ผบช.สตม.ชี้แจงกรณีเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า 2,500 บาท ไม่ได้ส่งเข้า ตม. โต้ปมปล่อยแก๊งจีนผับจินหลิง แลกเงินค่าหัว ไม่เป็นความจริง ยันไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น พร้อมน้อมรับคำวิจารณ์ "ชูวิทย์" ชี้เปรียบเสมือนกระจก-ต้องรับฟัง
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.ชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวปรากฏในโซเชียลมีเดียกล่าวถึงประเด็นเงินค่าธรรมเนียม EVOA (visa on arrival) ซึ่งเป็นวีซ่าท่องเที่ยวที่สามารถอยู่ในราชอาณาจักร 15 วัน จำนวน 500-2,000 ไปเข้ากระเป๋าหน่วยงานใด ว่า ตม.ไม่มีส่วนได้รับจำนวนเงินดังกล่าว ค่าธรรมเนียมนี้เดิมส่งเข้ากระทรวงการคลัง แต่เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมากขึ้น ได้นำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาอำนวยความสะดวก จึงต้องมีมาตรการลดความแออัด โดยเอาระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้สำหรับคนต่างด้าวที่ประสงค์มาเที่ยวในไทยสามารถยื่น EVOA ผ่านเว็บไซต์บริษัทที่เป็นตัวแทนได้ ไม่ต้องการเสียเวลาต่อแถวตรวจสอบวีซ่าที่สนามบิน ซึ่งได้ทำ MOU แล้ว ตั้งแต่ปี 2562 โดยเสียค่าดำเนินการจำนวน 500 บาทให้บริษัทตัวแทน ถือเป็นทางเลือกสำหรับอำนวยความสะดวก ส่วนค่าธรรมเนียม 2,000 บาทนั้น จะส่งเข้ากระทรวงการคลัง
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าบอก ตม.ปล่อยตัวผู้ต้องขังชาวจีนในคดีผับจินหลิง เดินทางกลับประเทศ โดยจ่ายเงินค่าหัวให้ ตม.นั้น ไม่เป็นความจริง และ ตม.ไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว หลังกระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นก็เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ เป็นสิทธิ์ตามกฎหมายของผู้ต้องขังที่สามารถยื่นขอกลับประเทศได้ตามสมควรและตามจำเป็น ตม.ต้องผลักดันกลับ หาก ตม.ควบคุมตัวไว้โดยไม่มีเหตุจำเป็นก็อาจถูกฟ้องร้องได้
โดยปัจจุบันส่งกลับไปแล้ว 180 คน เหลืออีก 37 คนที่ยังอยู่ระหว่างอายัดตัวไว้สอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหากแล้วเสร็จก็จะดำเนินการส่งกลับประเทศ
...
ผบช.สตม.กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาติติงการทำงานของ ตม.ว่า ไม่ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อตอบโต้ แต่ในฐานะข้าราชการก็ต้องน้อมรับคำวิจารณ์และการตรวจสอบ เพราะสิ่งที่นายชูวิทย์พูดเปรียบเสมือนคำแนะนำ ทำให้ ตม. ต้องกลับไปดูข้อกำหนดต่างๆ ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้คนต่างชาติเข้ามากระทำผิดในไทยหรือไม่ นายชูวิทย์จึงเปรียบเสมือนกระจก ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองต้องรับฟัง.