ตำรวจสิงห์บุรี บุกจับคากุฏิ เจ้าอาวาสเสพยาบ้า พร้อมของกลาง 198 เม็ด โดนเอเย่นต์ซัดทอด ปากแข็งปฏิเสธถึงฉี่จะม่วง ทำเอาตำรวจปวดหัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 ชุดสืบสวน สภ.อินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ได้สืบทราบว่ามีพ่อค้ายาบ้าได้นำยาบ้ามาจำหน่าย และได้มาแวะพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี จึงประสานชุดสืบสวน สภ.บางระจัน นำกำลังเข้าตรวจค้นที่ห้องพัก นายเบียร์ (นามสมมติ)

ซึ่งทันทีที่ นายเบียร์ เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบกลืนยาบ้าจำนวน 10 เม็ดลงคอทันที หลังจากตรวจค้นห้องพักไม่พบยาเสพติด สอบสวน นายเบียร์ ได้สารภาพว่าได้กลืนยาบ้าไป 10 เม็ด และเมื่อตอนเวลา 14.00 น. ได้นำยาบ้าจำนวน 1 ถุง มีทั้งหมด 200 เม็ด ไปส่งขายให้กับพระ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม ที่แถวอำเภอค่ายบางระจัน โดยพระได้ขับรถยนต์ส่วนตัวมา

เมื่อส่งยาให้ได้รับเงินมาจำนวน 2,000 บาท ก็แยกย้ายกันกลับ จนกระทั่ง นายเบียร์ ได้โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับ

จากนั้นเวลา 16.00 น. ชุดสืบสวน สภ.บางระจัน จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่วัดสามัคคีธรรม เลขที่ 36/1 หมู่ 3 ตำบลสระแจง อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และได้ไปขอพบ พระอธิการศิรวัฒน์ สิริวฑุฒโน อายุ 44 ปี เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม โดยแจ้งว่ามีพ่อค้ายาบ้ารับสารภาพว่าได้ขายยาให้กับ พระศิรวัฒน์ มีหลักฐานทั้งการคุยซื้อขายกันในแชตในแอปพลิเคชันไลน์ และเบอร์โทรที่คุยกัน เบื้องต้นพระศิรวัฒน์ ปฏิเสธไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะ ไม่ยอมให้ค้นกุฏิ ถ่วงเวลาโดยบอกว่าปัสสาวะไม่ออก และรอโยมพ่อกับแม่และญาติพี่น้องมา และได้ล็อกกุฏิไว้ไม่ให้ใครเข้า ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอธิบายในเรื่องข้อกฎหมายที่สามารถจะตรวจค้นก็ตาม พระศิรวัฒน์ ก็ไม่ยอมให้ค้นและทวงถามหมายศาล จนมีชาวบ้านหลายคนมารวมตัวที่วัดร่วม 50 คน ต่างตะโกนให้ พระศิรวัฒน์ ไปตรวจปัสสาวะเสียที

...


ทั้งนี้ชาวบ้านบอกว่าสงสัยมาเกือบ 2 ปีแล้วว่า พระศิรวัฒน์ ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ไม่มีหลักฐาน และ พระครูสุนทร โกศล เจ้าคณะตำบล สระแจง บ้านจ่า ได้เดินทางมาที่วัดสามัคคีธรรม ท่านได้กล่าวว่า ปกติเห็นว่า พระศิรวัฒน์ เป็นคนเรียบร้อย ดูเงียบๆ เฉยๆ พูดตลกๆ บางครั้ง เพิ่งจะรู้ว่ามีเหตุการณ์ว่า พระศิรวัฒน์ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

เหตุการณ์ยืดเยื้อจนถึงเวลา 19.48 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจพาตัว พระศิรวัฒน์ ขึ้นรถสายตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำตัวไปตรวจปัสสาวะที่ สภ.บางระจัน แต่ตัว พระศิรวัฒน์ ยังขัดขืนไม่ยอมขึ้นรถ จนกระทั่งเวลา 19.52 น. จึงสามารถนำตัว พระศิรวัฒน์ ขึ้นรถไปได้

หลังจากนั้นเมื่อไปถึงที่ สภ.บางระจัน แล้วนำไปตรวจปัสสาวะ เบื้องต้นพบปัสสาวะมีสีม่วงเข้ม แต่ พระศิรวัฒน์ ยังไม่ยอมรับ บอกว่าถึงปัสสาวะจะมีสีม่วง แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสารเสพติดหรือไม่ สร้างความปวดหัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก จึงต้องนำตัว พระศิรวัฒน์ ไปตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาล เพื่อแยกสารเสพติดในปัสสาวะ ซึ่งก็พบ จึงพาตัวมาค้นยาบ้าที่กุฏิ

โดยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 3 นาย พระศิรวัฒน์ และโยมแม่ของพระได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป และไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวหรือชาวบ้านเข้าไปดูเหตุการณ์ โดยก่อนเข้าห้องได้หันมาต่อว่าผู้สื่อข่าวว่า “คุณจะทำให้เสียชื่อเสียงวัดทำไมล่ะคะ” ผู้สื่อข่าวจึงตอบไปว่า “ใครทำให้วัดเสียชื่อเสียงกันแน่” และพากันขึ้นไปค้นหาหลักฐานในกุฏิและล็อกห้องทันที แต่ห้องเป็นกระจกยังพอสามารถมองเห็นได้ และไม่นานโยมแม่ของพระก็ได้มาปิดผ้าม่านภายในห้อง สร้างความกังขาให้กับชาวบ้านยิ่งนัก จนสักพัก พ.ต.ท.นรินทร์ ไรไสว สารวัตรสืบสวน สภ.บางระจัน ได้เปิดประตูออกมาชี้แจงว่า ให้ชาวบ้านใจเย็นๆ ตอนนี้เจอของแล้ว และเป็นขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ในการตรวจ และได้ถ่ายวิดีโอไว้อยู่ ถ้าสงสัยให้ตามไปดูของกลางที่โรงพักได้ไหม ชาวบ้านต่างตะโกนว่า ขอให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านเข้าไปดูร่วมด้วย ชาวบ้านจึงพากันสงบลง

จนกระทั่งเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว พระศิรวัฒน์ และหลักฐานทั้งหมด มียาบ้า 198 เม็ด ปืนไฟแช็ค 2 กระบอก และอุปกรณ์ในการเสพยาที่ใส่ไว้ในกระติกน้ำ ขึ้นรถและนำ พระศิรวัฒน์ ไปสึกและนำมาสอบสวนที่ สภ.บางระจัน โดย พระศิรวัฒน์ ยอมรับสารภาพว่า ได้ซื้อยาบ้าจากพ่อค้ายามาเสพอย่างเดียว ไม่ได้นำไปขายให้ใคร ที่ซื้อมาเยอะเพราะจะได้ไม่ต้องซื้อบ่อย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนเพิ่มเติมและดำเนินคดีต่อไป.