ตร.มหาสารคามจับมือกราดยิงหน้าผับดังกลางเมือง ทำให้หนุ่มวัยรุ่น 17 ปีตายและมีคนเจ็บอีก 3 ราย หลังหนีคดีไปอยู่ จ.ชุมพร คุมตัวกลับมาดำเนินคดีและส่งศาลขอฝากขัง ญาติคนตายลั่นเอาผิดถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2565 พล.ต.ต.ดิเรก จิตอร่าม ผบก.จ.มหาสารคาม พร้อมด้วย พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.เมืองมหาสารคาม แถลงผลการจับกุมมือปืนที่ยิงกราดหน้าผับมหาสารคาม ที่หนีการจับกุมไปที่จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 04.30 น. ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุสื่อสาร ว่ามีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นที่หน้าร้านอาหารตะวันแดง พร้อมพวกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงทราบว่ามีผู้ถูกยิงด้วยกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย มีพลเมืองดีนําส่งโรงพยาบาลแล้ว จึงได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุพบหัว กระสุนปืนตกอยู่บนถนน 2 หัว พบรอยเลือดหยดอยู่หลายแห่ง จึงบันทึกภาพและทําแผนที่ไว้ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ดังต่อไปนี้ นายมิตรภาพ ฆ้องดังไกล อายุ 17 ปี ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ชายโครง ถึงแก่ความตาย นายวรวุฒิ สระมูล อายุ 17 ปี กระสุนปืนยิงเข้าที่เท้า ได้รับบาดเจ็บ นายชยุพงษ์ ดวงเวียงคํา อายุ 18 ปี ถูก กระสุนปืนยิงเข้าที่เท้า ได้รับบาดเจ็บ

...

จากสอบถามพยานที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้ก่อเหตุ ใช้รถยนต์กระบะสี่ประตูยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 7101 มหาสารคาม ขับผ่านมาแล้วคนที่อยู่ในรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่วัยรุ่นที่กําลังเดินอยู่สองข้างทาง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย จากการสืบสวนหาข่าวพยานแวดล้อมและตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถยนต์ ทราบตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายกานต์ชนกน์ สกุลเกษม หรือ ม่อน อายุ 21 ปี และนายฟ้าประกาย หรือ ยิ่ง เกศเทศ อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับ นายฟ้าประกายหรือยิ่ง เกศเทศและนายกานต์ ชนกหรือม่อน สกุลเกษม ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ยิงปืนโดยใช้ดินปืนโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ”

ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานมารดาของนายฟ้าประกาย เกศเทศ กดดันให้ผู้ต้องหา มามอบตัว ต่อมาวันที่ 13 ธ.ค. ที่งานสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พร้อมรถยนต์กระบะคันที่ใช้ก่อเหตุ จึงทำการบันทึกจับกุมและตรวจยึดรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุส่งพนักงานสอบสวนนายฟ้าประกาย ให้การว่าวันก่อเหตุตนเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวจริง และนายกานต์ชนก เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว จึงได้นำตัวฝากขังและได้ประกันตัวออกมาในวงเงิน 2 แสนบาท

ส่วนนายกานต์ชนก ภูมิลำเนาที่จังหวัดนครราชสีมา ก็ได้หนีออกจากบ้านไปกบดานภายในพื้นที่ ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และได้เดินทางหลบหนีต่อไปที่ จ.ชุมพร และไปพักอยู่ที่รีสอร์ตภายในพื้นที่ จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองมหาสารคาม พร้อมทั้งได้สอบสวนสาเหตุเกิดจากที่กลุ่มวัยรุ่นที่ถูกยิงเสียชีวิต ได้โห่ตะโกนว่าและขว้างขวดและแก้วใส่รถของตนเองที่กำลังขับออกจากสถานบันเทิงไปที่ถนน จึงจอดให้เพื่อนที่ไปด้วยขับแทน แล้วยิงปืนใส่กลุ่มดังกล่าว แต่กระสุนหมด 

จากนั้นได้วิ่งมาอีกด้านของถนน แล้วขึ้นรถของนายฟ้าประกาย ที่ขับตามออกมาแล้วก็กลับรถไปตนก็บรรจุกระสุนแล้ว เปิดกระจกยิงใส่กลุ่มดังกล่าวที่ได้วิ่งหนีแตกกระเจิงกันไปจากการยิงรอบแรก จากนั้นก็ได้ไปรวมตัวกันที่หอพักแห่งหนึ่งที่ อ.กันทรวิชัย แล้วก็แยกย้ายกันหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่ได้ไปงมหาอาวุธปืนของกลาง .38 ลูกโม่ ที่หลังจากทำการหลบหนีได้นำไปโยนทิ้งแม่น้ำชี ที่บ้านใคร่นุ่น อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม แล้วก็นำตัวไปทำแผนและส่งตัวฝากขังกับศาลจังหวัดมหาสารคาม

...

น.ส.สุพรรณี อะนันทา อายุ 41 ปี มารดาพร้อมญาติ ได้เดินทางมาเพื่อดูหน้ามือปืนที่ยิงลูกชายเสียชีวิต ที่หน้าภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ดีใจมากที่ตำรวจสามารถจับกุมมือปืนที่ยิงลูกชายได้ อยากทราบเหตุผลทำไมถึงมายิงลูกชายตนเอง ก็มาแล้วก็ไม่ทันเจ้าหน้าที่ตำรวจนำคนร้ายไปฝากขังกับศาลจังหวัดมหาสารคามแล้ว ก็จะไม่ยอมให้เรื่องเงียบ จะต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด ส่วนทางญาติก็ติดใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของทางพนักงานสอบสวนที่พูดจาไม่ดี ไม่สุภาพ และการทำแผนก็แอบไปทำ ไม่ยอมแจ้งให้ทางญาติผู้เสียชีวิตทราบ.