ความคืบหน้าคดีหลานชายใช้ท่อนไม้ตีน้าชายจนเสียชีวิต อ้างป้องกันตัวเพราะถูกน้าชายทำร้ายก่อน ล่าสุดตำรวจอุบลรัตน์ คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแต่เช้า ก่อนส่งฟ้องศาลดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 23 ต.ค. 2565 ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.3 ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.ดิเรกฤทธิ์ ปานเรือนแสน ผกก.สภ.อุบลรัตน์ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ทรงกฤษณ์ บุญวรณ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.อุบลรัตน์ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุมตัว นายมงคล ไมล์โพธิ์ อายุ 24 ปี ชาวบ้าน ม.3 ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุตามขั้นตอนของกฎหมาย หลังใช้ท่อนไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว ยาวประมาณ 2 เมตร ทำร้าย นายประยุทธ อุทัยแสง อายุ 63 ปี ชาวบ้าน ม.3 ต.ศรีสุขสำราญ ซึ่งเป็นน้าชายจนเสียชีวิต เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา ก่อนคุมตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดขอนแก่น ฝากขังผัดแรกในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ทันที
พ.ต.อ.ดิเรกฤทธิ์ ปานเรือนแสน ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอุบลรัตน์ เปิดเผยว่า ในทางคดีนั้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ก่อเหตุและพยานที่เห็นเหตุการณ์เสร็จทั้งหมดแล้ว รวมทั้งตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายผู้ก่อเหตุ ซึ่งไม่พบสารเสพติด และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายมงคล หลานชายที่ก่อเหตุใช้ท่อนไม้ทำร้ายน้าชายจนเสียชีวิต มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านนายมงคล
...
ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอุบลรัตน์ กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหาได้ชี้จุดที่ให้การว่า น้าชายต่อว่าและใช้ท่อนไม้ตีด้วยความโมโห จึงแย่งท่อนไม้จากมือน้าชาย กระหน่ำตีประมาณห้าครั้งจนน้าชายแน่นิ่งเสียชีวิตและไม่ได้หลบหนีไปไหนยืนรอมอบตัวอยู่ที่จุดเกิดเหตุโดยมีญาติๆ และคนในครอบครัว รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ดูการชี้จุดทำแผนของทางตำรวจ โดยไม่มีเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นแต่อย่างใด ก่อนจะคุมตัวนายมงคลหลานชายผู้ก่อเหตุส่งฟ้องศาลจังหวัดขอนแก่น ฝากขังผัดแรกในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ตามขั้นตอนต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุช่วงเช้าวันนี้พบว่า บ้านของผู้ก่อเหตุปิดเงียบซึ่งจากการสำรวจ สภาพบ้านทั้งหลังนั้นกระจกประตูหน้าต่างได้รับความเสียหายแตกทั้งบาน เหลือเพียงโครงอะลูมิเนียมประตู และโครงไม้หน้าต่างบ้าน เศษข้าวของกระจัดกระจาย หลังจากหลานชายที่ก่อเหตุอาละวาดทุบทำลาย ซึ่งทางญาติๆ ที่อาศัยอยู่ด้วยกันบอกว่า ผู้ก่อเหตุนั้นมักจะขอเงิน กับญาติๆ เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่หลักสิบถึงหลักร้อยอีกทั้งยังมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นอาละวาดทำลายข้าวของและเกิดเหตุการณ์สลดดังกล่าวขึ้น.