อดีตพยาบาลเหยื่อ "ฮารุ-ตรีเพชรรัตน" เข้าร้องปวีณา แฉพฤติกรรมกะเทยลูกครึ่งสุดโหด กักขัง บังคับให้หาเงินใช้หนี้ 140 ล้านที่อุปโลกน์ขึ้นมา โกนผม ใช้เตารีดนาบ น้ำร้อนลวก ทำร้ายร่างกาย กักขังทรมานในคอนโดฯ นาน 3 ปี 

จากกรณี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. จับกุม นายฮารุ ฮวังสิริ อายุ 39 ปี สาวประเภทสอง ลูกครึ่งญี่ปุ่น-เกาหลี และนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี กะเทยหนุ่มไทย ร่วมกันก่อเหตุหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำร้ายร่างกายทุบตี กล้อนผม น้ำร้อนสาดใส่เหยื่อหญิงสาวอดีตพยาบาล 3 คน พร้อมเด็กชาย-หญิง ลูกของเหยื่ออีก 2 คน ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านพระราม 8 ท้องที่ สน.บวรมงคล ตรวจสอบพบนายฮารุมีพฤติกรรมใช้หลักจิตวิทยาข่มขู่บังคับต่างๆ นานาจนเหยื่อคล้อยตามหวาดกลัวยอมเป็นเบี้ยล่างทำงานใช้หนี้ที่กะเทยรายนี้อุปโลกน์ขึ้นมากว่า 140 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เหยื่อทั้งสามถูกหว่านล้อมให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับคอลลาเจน หลอกเอาทรัพย์สินไปไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท

วันที่ 20 ต.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางสาวโบว์ อายุ 48 ปี และนางสาวป๊อป อายุ 34 ปี อดีตพยาบาล (ทั้งสองเป็นนามสมมติ) เข้าให้ข้อมูลต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กรณีตกเป็นเหยื่อ “ฮารุ-ตรีเพชรรัตน” 2 ผู้ต้องหา ลวงใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้านบาท จากการอุปโลกน์ขายคอลลาเจน กักขังทำร้ายร่างกาย ทั้งโกนผมและนํ้าร้อนลวกอย่างทารุณนานกว่า 3 ปี เหตุเกิดในคอนโดฯ หรูใจกลางกรุงเทพฯขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีพาไปตรวจร่างกาย สภาพจิตใจ และอยากขอกลับเข้าทำงานพยาบาล รวมทั้งดูแลความปลอดภัย

โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 14 ต.ค. 65 แม่กับอดีตสามีของอดีตพยาบาลได้มาร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ขณะเดียวกันได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุม 2 ผู้ต้องหา และให้การช่วยเหลืออดีตพยาบาล 3 คน กับลูก 2 คน อายุ 10 ขวบ กับ 7 ขวบ ซึ่งพยาบาล 1 คน กับลูก 2 คน ได้รับบาดเจ็บต้องส่งตัวเข้ารักษาที่ รพ.ตำรวจ

...

นางสาวโบว์ อดีตพยาบาล เล่าว่า รู้จักกับ นายฮารุ ช่วงเดือน มิ.ย.64 จากนั้น นายฮารุ ได้ชักชวนให้มาลงทุนเป็นตัวแทนกระจายสินค้าคอลลาเจนและเซรั่ม ระยะหลัง นายฮารุ อ้างว่าสินค้าคอลลาเจนและเซรั่มขาดทุน พวกตนจะต้องรับผิดชอบหาเงินมาคืน ทำให้ต้องขายทรัพย์สินรถ บ้าน กู้เงินจากที่ต่างๆ เรื่อยมา เป็นจำนวนเงินกว่า 10,000,000 บาท จนหมดตัว และ นายฮารุ ยังบังคับให้ทำงานในแต่ละวันต้องหายอดให้ได้ตามที่ นายฮารุ กำหนด หากไม่ได้ยอดก็จะทำร้าย ทุบตี ทารุณ โดยการใช้เตารีดนาบที่ขา

ล่าสุดช่วงเดือน ส.ค.65 ถูกเอาน้ำร้อนที่กำลังต้มเดือดราดที่ลำตัว ตนเคยคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกคอนโดฯ ลงมาจากชั้น 7 แต่เมื่อคิดถึงหน้าคนในครอบครัวก็กลัวว่าจะเดือดร้อน เพราะ นายฮารุ ได้ข่มขู่เอาไว้ว่าให้ระวังจะเอาเรื่องกับญาติพี่น้องด้วย จึงต้องจำทนอยู่อย่างทรมานมาหลายเดือน กระทั่งวันที่ 16 ต.ค. 65 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าไปช่วยเหลือ เหมือนได้ชีวิตใหม่กลับมา ขณะนั้นตนยังหวาดกลัวอิทธิพลของ นายฮารุ ที่เคยข่มขู่ต่างๆ นานา จึงทำให้ไม่กล้าพูดความจริง ก่อนจะตัดสินใจร้องขอความ่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ดำเนินคดีกับ นายฮารุ และ นายตรีเพชรรัตน ให้ถึงที่สุด

ขณะที่ นางสาวป๊อป อายุ 34 ปี อดีตพยาบาลอีกราย เล่าว่า รู้จักกับฮารุตั้งแต่ปี 63 จากการแนะนำของคนที่รู้จัก ก่อนที่ฮารุจะชักชวนทำธุรกิจขายของออนไลน์ โดยตนได้ขอเงินแม่มาทำทุน และฮารุได้เอาเงินไปกว่า 3 แสนบาท ยังต้องจำนำรถยนต์ ขายที่ดินเอาเงินมาให้ฮารุอีก รวมกว่า 1 ล้านบาท

ต่อมาเวลา 13.00 น. นางปวีณา พาครอบครัวเหยื่อพยาบาลอีกรายประชุมร่วมกับสหวิชาชีพกับนักสังคมสงเคราะห์ ศูนย์พึ่งได้ รพ.ตำรวจ ในเรื่องการดูแลสภาพจิตใจของ 3 แม่ลูก จากนั้นนางปวีณาได้พาอดีตพยาบาลสาว 2 ราย พร้อมทั้งแม่ของอดีตพยาบาลที่รักษาตัวอยู่รพ.ตำรวจ เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ขอให้ช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า จะเร่งให้การช่วยเหลือกับเหยื่อทั้ง 3 ราย 1.ในเรื่องการรักษาตัว เนื่องจากมีแผลที่ถูกทำร้ายตามร่างกาย รวมทั้งเหยื่อ 2 ราย เริ่มป่วยเป็นโรคไต ขาบวม อ่อนเพลีย เครียด นอนไม่หลับ และต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจ 2.กรณีที่เหยื่อถูกหลอกจนหมดตัวต้องเป็นหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งจะประสานกับตำรวจในการติดตามทรัพย์สินจากผู้ต้องหามาดำเนินการ 3.จะประสานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เหยื่อได้รับเงินเยียวยา 4.มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป.