ญาติยืนยันสาวถูกฆาตกรรมยัดกระเป๋าลอยน้ำโขง เป็นเศรษฐินี เจ้าของ บ.รับเหมาฯ ยักษ์ใหญ่ของลาว พบถูกยิงที่หัว 2 นัด ญาติขอฌาปนกิจศพที่ฝั่งไทย ตำรวจไทยแจงมีอำนาจแค่ชันสูตรศพ ไม่มีอำนาจตามจับคนร้าย

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีพบศพหญิงสาว ถูกฆาตกรรมโหดยัดกระเป๋าเดินทาง ลอยอืดมาตามน้ำโขง จนกระทั่งลอยมาติดแพจอดเรือ หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขงเขตนครพนม ในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ภายหลังทางด้าน พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม พร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจทีมสอบสวนสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบชันสูตรศพ หาเบาะแสที่มา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 จนกระทั่งมีการสืบสวนจากเสื้อผ้า แบรนด์เนม ของผู้สวมใส่ เป็นเบาะแสสำคัญ ในการตรวจสอบหาที่มา นอกจากนี้ ยังมีญาติผู้เสียชีวิตที่เป็นชาว นครหลวงเวียงจันทร์ สปป.ลาว ได้ติดต่อประสานงานมาทางตำรวจ หลังทราบข่าวจากสื่อ พร้อมมายืนยันตัวตน ว่าเป็นญาติที่สูญหาย ไปช่วงประมาณ วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีการเปิดเผยข้อมูลทางสื่อโชเชียลของประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว มีการพบเบาะแสสำคัญ คือ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ของผู้สูญหายถูกทิ้งปริศนา ในริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขตพื้นที่ นครหลวงเวียงจันทน์

...

ภายหลังทางตำรวจ สภ.ธาตุพนม ได้นำศพสาวถูกฆาตกรรม ไปตรวจชันสูตรโดยละเอียดที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น เพื่อยืนยันตัวตน และหาหลักฐานประกอบการดำเนินคดี การถูกฆาตกรรม อีกทั้งมีญาติผู้เสียหาย ได้เดินทางมาตรวจสอบตำหนิรูปพรรณผู้เสียชีวิต ยืนยัน ทั้งเสื้อผ้าแบรนด์เนม และรูปพรรณ เป็นญาติที่สูญหาย ทราบชื่อภายหลัง คือ นางวิภาพร (ไม่ทราบนามสกุล) อายุประมาณ 40 ปี ที่มีตำแหน่งเป็นประธานบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ทำธุรกิจเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่า มีลูกสาวที่หายไปอีก 1 คน อายุประมาณ 5 ขวบ

โดยจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก ทราบว่าสาวถูกฆาตกรรมดังกล่าว มีสามีคนแรก มีบุตรด้วยกัน 3 คน และมีการหย่าร้าง และมีบุตรกับสามีคนใหม่ คือคนที่ 4 ที่สูญหายไปปริศนา อีกทั้งยังเป็นคนที่มีความสนิทสนมกับ กลุ่มนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของทางการลาว และเชื่อว่าเป็นนักธุรกิจที่มีบริษัทลงทุนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีวงเงินลงทุนหลาย 100 ล้านบาท แต่ทางตำรวจไทย ไม่มีอำนาจที่จะสอบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ เนื่องจากเป็นคดีระหว่างประเทศ สามารถดำเนินการได้เพียงขั้นตอนตามกฎหมายไทย คือ ชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตก่อนส่งศพให้ญาติยืนยันตัวตนตำหนิรูปพรรณ และมอบหมายให้ทางการลาวดำเนินการต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม เปิดเผยว่า ในการสอบสวนสืบสวนดำเนินคดีคดีฆาตกรรมสาวลาว ล่าสุดหลังเกิดเหตุทางตำรวจได้ส่งศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น จากนั้นทางญาติได้มายืนยันตำหนิรูปพรรณ มั่นใจว่าเป็นญาติที่สูญหาย เป็นคนเดียวกัน นอกจากนี้ตามขั้นตอนของกฎหมาย ได้มีการตรวจดีเอ็นเอ เทียบเคียงกับญาติผู้ตาย ซึ่งได้มีการเก็บดีเอ็นเอ ส่งไปตรวจที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ กทม. เพื่อความสะดวกรวดเร็ว หลังผลตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันออกมาจะได้ ส่งศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศล

ผกก.สภ.ธาตุพนม กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทางญาติได้แจ้งความประสงค์กับตำรวจว่าจะขอทำพิธีฌาปนกิจศพที่ฝั่งไทย เพื่อความสะดวก หลังผ่านขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย ล่าสุดได้มีการส่งศพผู้เสียชีวิตไปไว้ที่ สุสานมูลนิธิการกุศลมุกดาหาร รอการฌาปนกิจศพตามประเพณี ส่วนหลักฐานสำคัญจากการชันสูตรบ่งชี้ว่า ถูกฆาตกรรมก่อนทิ้งศพยัดกระเป๋าลงน้ำโขง คือ มีหัวกระสุน คาดว่าเป็นอาวุธปืนสงครามฝังที่ศีรษะ ผู้เสียชีวิต 2 นัด คาดว่าเป็นการยิงก่อนทางด้านหน้า หลังเสียชีวิตจึงนำศพยัดกระเป๋า และมีหลักฐานเป็นเบาะพลาสติกรองศีรษะก่อนยิง ทำให้หัวกระสุนฝั่งศีรษะ

...

พ.ต.อ.ถวิล กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจท้องที่เกิดเหตุมีอำนาจเพียงชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต ไม่มีอำนาจสอบสวนเชิงลึกติดตามหาคนร้าย เนื่องจากเป็นคดีระหว่างประเทศ และทางญาติยืนยันจากหลักฐานต่างๆ รวมถึงหนังสือเดินทาง มั่นใจว่าเกิดเหตุที่ นครหลวงเวียงจันทน์ ก่อนนำศพทิ้งลงน้ำโขง จนถูกกระแสน้ำพัดมาติดที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ซึ่งทางตำรวจจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายของฝั่งไทยเท่านั้น และมอบให้ญาติประสานทางการลาวดำเนินการต่อไป.