ตำรวจ สภ.พบพระ จังหวัดตาก สกัดจับรถกระบะคอกขนกะหล่ำปลี 2 คัน ดัดแปลงช่องลับ ซุกแรงงานชาวพม่า สภาพอัดแน่น หวิดขาดอากาศหายใจ
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 27 เมษายน 2565 พ.ต.อ.โอภาส คงเมือง รอง ผบก.ภ.จว.ตาก พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.พบพระ สนธิกำลังฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดตรวจค้นยานพาหนะที่จุดตรวจความมั่นคงบ้านห้วยนกแล ถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง หมู่ที่ 9 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เพื่อสกัดตรวจจับการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
โดยเวลาต่อมา ได้มีรถยนต์กระบะจำนวนสองคันบรรทุกกะหล่ำปลี มาจนล้นคันรถ และขับติดตามกันมาด้วยความเร็วสูง จากอำเภอพบพระ มุ่งหน้าไปอำเภอแม่สอด และรถยนต์บรรทุกผักทั้งสองคันกำลังจะขับผ่านจุดตรวจบ้านห้วยนกแล เขตอำเภอพบพระ เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้รถทั้งสองคันหยุดเพื่อขอตรวจสอบ โดยการตรวจรถยนต์คันแรกเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิซิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผค-6490 เพชรบูรณ์ ด้านหลังรถบรรทุกกะหล่ำปลีมาจนล้นคัน โดยมีผ้าใบสีดำคลุมอย่างมิดชิดโดยมีนายกฤษณ ทองมาก อายุ 25 ปี และนางสาวปริญญา หงส์ทอง อายุ 26 ปี นั่งโดยสารมาด้วย โดยทั้งสองมีอาการส่อพิรุธ เหงื่อแตกตัวสั่นแบบผิดสังเกต เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวลงจากรถพร้อมเข้าตรวจภายในกระบะรถ และพบช่องลับขนาดเล็ก ตรวจพบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน นั่งเบียดเสียดกันในสภาพเหงื่อแตกจากอากาศหายใจที่มีน้อย
...
ส่วนรถยนต์กระบะอีกคัน เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ผฉ-8782 นครสวรรค์ ด้านหลังบรรทุกกะหล่ำปลีมาจนเต็มคันรถ และมีผ้าใบปิดคลุมอย่างมิดชิด โดยมีนายสำเริง ทองมาก อายุ 56 ปีเป็นคนขับ และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจที่ด้านท้ายกระบะรถ พบช่องลับพิเศษ ตรวจพบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติเมียนมา จำนวน 7 คน ซึ่งอยู่สภาพไม่แตกต่างกับรถคันแรก เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือนำตัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั้ง 14 คนที่กำลังหายใจยากลำบาก เนื่องจากหลบซ่อนตัวอยู่ในที่แคบและอยู่กับอากาศร้อนเป็นเวลานานออกจากช่องลับของรถยนต์ทั้งสองคัน พร้อมให้ความช่วยเหลือ มอบน้ำดื่มและนำตัวไปในพื้นที่อากาศที่ถ่ายเทจนแรงงานทั้ง 14 คนมีสภาพอาการที่ดีขึ้น ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวแรงงานทั้งหมดและคนขับรถ พร้อมรถยนต์ของกลางนำไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.พบพระ จังหวัดตาก
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสำเริง คนขับรถที่ถูกตรวจจับ ยอมรับเป็นคนขับรถขนแรงงานต่างด้าวจริง โดยรับแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาจากชายแดนอำเภอแม่สอด และนำมาหลบซ่อนตัวในช่องลับรถยนต์ที่ดัดแปลงมาเป็นพิเศษและนำกะหล่ำปลีไปวางทับอำพรางหลายชั้นแล้วคลุมผ้าใบสีดำอำพรางอีกชั้นอย่างแน่นหนา เพื่อให้ยากต่อการรื้อค้นตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และได้รับค่าจ้างในการขนเที่ยวละ 6,000 บาท โดยจะส่งแรงงานชุดนี้ลงที่ตัวจังหวัดตาก จากนั้นจะมีกลุ่มขบวนการมารับขนส่งต่อไปอีกทอดหนึ่ง แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน
ส่วนแรงงานทั้งหมดต้องจ่ายค่านายหน้าเป็นเงินสูงถึงคนละ 30,000 บาท โดยมีจุดหมายปลายทางที่หัวเมืองชั้นในรอบกรุงเทพมหานคร
ขณะที่ พ.ต.อ.โอภาส คงเมือง รอง ผบก.ภ.จว.ตาก หัวหน้าชุดจับกุมกล่าวว่า การจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในครั้งนี้ เป็นนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ที่มุ่งเน้นให้ป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจากแนวชายแดนเข้าหัวเมืองชั้นใน ซึ่งผลการจับกุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่คาดว่าทำเป็นขบวนการใหญ่ โดยกลุ่มขบวนการได้ใช้รถยนต์บรรทุกผักอำพราง ซึ่งการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามโดยเฉพาะการสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการกลุ่มนี้มานาน จนสามารถจับกุมได้ยกแก๊ง ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสามคน ซึ่งเป็นคนขับรถนำพาแรงงานผิดกฎหมายในครั้งนี้ไปดำเนินคดีในข้อหาช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่งตัวดำเนินคดีที่ สภ.พบพระ ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้ง 14 คน ส่งตัวไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลการตรวจไม่พบผลแรงงานติดเชื้อโควิด-19 พร้อมส่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมายพร้อมเร่งผลักดันออกนอกประเทศต่อไป