คืบหน้าล่าสุด กรณีสาวนักพนันร้องทนายดัง ถูกกลุ่มคนร้ายอ้างเป็นตำรวจไซเบอร์อุ้มไปรีดเงิน 4 แสน หลังรู้ว่าเพิ่งเล่นพนันออนไลน์ได้มาเกือบ 2 ล้าน พบผู้กระทำมีประมาณ 15 คน เป็นตำรวจไซเบอร์อย่างน้อย 2 นาย ส่วนตำรวจสังกัดบช.น. ถูกนำชื่อไปแอบอ้าง แต่ไม่ได้ร่วมแก๊ง
วันที่ 1 เม.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าเพิ่มเติมกรณีมีผู้เสียหาย ถูกกลุ่มคนอ้างว่าเป็นตำรวจไซเบอร์เข้าตรวจค้นและข่มขู่เพื่อเรียกเอาทรัพย์สิน ว่า ในกรณีที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ เข้ามาตรวจค้นตัวและข่มขู่ผู้เสียหายเพื่อเรียกเอาทรัพย์สินนั้น ได้รับรายงานเพิ่มเติมจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ว่าได้ทำการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น พบว่าผู้กระทำความผิดเป็นกลุ่มบุคคลประมาณ 15 คน โดยทางการข่าวมี 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.สอท. จริง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาดำรงตำแหน่งในคำสั่งล่าสุดที่ผ่านมา และ บช.สอท. ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ หากพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับการกระทำความผิด จะพิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและดำเนินการทางวินัยและทางอาญาอย่างถึงที่สุด จนถึงขั้นไล่ออกจากราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป นอกจากนี้ทางผู้เสียหายจะเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับคณะกรรมการเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการทางวินัยต่อไป
สำหรับผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่นที่มีข่าวว่าอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดบช.น. นั้น ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นเพียงการนำชื่อไปกล่าวอ้างในการกระทำความผิดร่วมกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานต้นสังกัดจะได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานกันไปอีกทางหนึ่ง เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.น. จริง ก็จะดำเนินการทางอาญาและวินัยถึงขั้นถึงที่สุดเช่นกัน ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ปรากฏ
...
ส่วนการดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดในกรณีนี้นั้น ทางพนักงานสอบสวน สน.บางนา จะได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เร่งพิสูจน์ทราบผู้ร่วมกระทำความผิดในส่วนที่เหลือ เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี และจะได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ต่อไป
ในประเด็นดังกล่าวนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชา ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในหน่วยงานที่ถูกพาดพิง ให้พิจารณาดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ และเร่งทำความจริงให้ปรากฏแก่สังคม หากพบว่ามีความเกี่ยวข้องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดทุกราย ไม่มีข้อยกเว้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป พร้อมกำชับให้กวดขันดูแลความประพฤติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด