"2 ปีคดีไม่คืบ" พ่อร้องทนายช่วยเหลือ หลังลูกสาววัยประถม ถูก ด.ต.บ้านตรงข้ามบุกขืนใจหลายครั้ง เผยแจ้งความตั้งแต่ปี 63 แต่คดีไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ปัจจุบันคู่กรณียังอยู่ดี-รับราชการเหมือนเดิม แถมมีพฤติกรรมข่มขู่ จนผวาไม่กล้าอยู่บ้าน

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.65 นางจุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม อายุ 35 ปี หรือทนายหญิง พร้อม นายพลากร วงค์ประเสริฐ อายุ 34 ปี ทีมกฎหมายพรรคก้าวไกล จ.เชียงราย ได้เดินทางมาที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อพบกับ นายณรงค์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี หลังได้รับการร้องเรียนมาว่า ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ลูกสาว ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำชำเรา ซึ่งแจ้งความผ่านมา 2 ปี แต่คดีกลับไม่คืบหน้า

โดย ทนายหญิง เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก นายณรงค์ ผู้เป็นพ่อ ว่าลูกสาวถูกกระทำอนาจาร ซึ่งเป็นคดีที่ถูกแจ้งความไว้นานเกือบ 2 ปี ซึ่งทางพ่อของเด็กหวั่นวิตกว่าคดีล่าช้า เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องขอความช่วยเหลือมาที่ทีมงานทนายความ ซึ่งจะเข้าไปติดตามความคืบหน้าในการพิจารณาคดีดังกล่าวร่วมกับอัยการที่กรุงเทพฯ และจะเร่งประสานงานไปทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตำรวจคู่กรณี ทั้งตำรวจ ภาค 5 หรือ ผบ.ตร.เป็นลำดับต่อไป

ด้าน นายณรงค์ พ่อของ ด.ญ.เอ เล่าว่า ตนอาศัยอยู่กับลูกสาวเพียง 2 คน ขณะเกิดเหตุตอนนั้นลูกสาวมีอายุแค่ 10 ขวบ เมื่อช่วงประมาณต้นเดือน ต.ค.ปี 2563 ตนได้รับโทรศัพท์จากน้องสาวของอดีตภรรยาว่า ลูกสาวได้โทรไปหาผู้เป็นแม่ และเล่าให้ฟังว่า ถูกดาบตำรวจนายหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่สาย ซึ่งมีบ้านอยู่ตรงข้าม บุกเข้ามาใช้กำลังปลุกปล้ำกระทำชำเราหลายครั้ง ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. เม.ย. ก.ย. และล่าสุดวันที่ 4 ต.ค.ปีเดียวกัน ขณะที่พ่อออกไปเอาแกลบที่โรงสี ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 3 กิโลเมตร

...

นายณรงค์ เล่าต่อว่า พอรุ่งเช้าวันที่ 5 ต.ค.ปี 2563 ตนจึงพาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่ รพ.แม่สาย ผลปรากฏว่าถูกกระทำอนาจารจริง จึงตัดสินใจไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย ในวันที่ 6 ต.ค.ปีเดียวกัน จนกระทั่งเวลาผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่คดีกลับไม่คืบหน้าเท่าที่ควร คู่กรณียังอยู่บ้านฝั่งตรงข้าม กลับมารับราชการตำรวจเหมือนเดิม และยังเข้ามาข่มขู่ด้วยวาจาและท่าทางบ่อยๆ บางครั้งก็แกล้งเอาปืนมาขึ้นลำกล้องใกล้ๆ บ้านตนให้ได้ยินบ้าง เวลาขับรถผ่านก็ตะโกนด่าบ้าง ทำให้ตนหวาดผวาไม่ค่อยกล้าอยู่บ้าน เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ส่วนลูกสาวไปอยู่ในความคุ้มครองของเจ้าหน้าที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อตนพบหน้าลูกจะถามตลอดว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ตนก็คิดถึงลูกมาก ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใคร เพราะไม่รู้หนังสือ จึงอยากให้หน่วยงานราชการเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ครอบครัวตนด้วย