ศาลเลื่อนอ่านฎีกาธาริตกับพวกปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาสุเทพ-อภิสิทธิ์ คดีสั่งฆ่าประชาชน เหตุธาริตชักเกร็งหามเข้า รพ.พบเป็นโรคเส้นเลือดในสมองอุดตันเฉียบพลัน โดยเลื่อนอ่านเป็น 21 เม.ย.65
เวลา 09.30 น.วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 65 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง
กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค. 54-13 ธ.ค. 55 จำเลยทั้งสี่ในฐานะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนและตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสอง ฐานสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากตำแหน่งนายกฯ จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้องจำเลยทั้ง โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์ เห็นว่าพวกจำเลยกระทำผิดจริงจึงพิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่ คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา จำเลยทั้งสี่ ยื่นฎีกา โดยก่อนหน้านี้ศาลนัดอ่านฎีกาคดีนี้เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 64 เเต่มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาเนื่องจากจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำให้ส่งหมายไม่ได้
...
โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ทนายโจทก์ที่ 1-2 จำเลยที่ 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลย 3-4 และในฐานะ ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 1-2 และผู้รับมอบอำนาจนายประกันจำเลยทั้งสี่มาศาล
ส่วนจำเลย ที่ 1 ไม่มา ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แจ้งว่าเมื่อวันที่ 8 ก.พ.65จำเลย ที่ 1 มีอาการชักเกร็งและหมดสติเป็นเวลากว่า 5 นาที หลังได้สติมีอาการแขนขาข้างซ้ายอ่อนแรง ขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นโรคเส้นเลือดในสมอง อุดตันเฉียบพลันต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต และต้องเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 เดือน รายละเอียดปรากฏตามคำร้องฉบับลงวันที่ 9 ก.พ.65 พร้อมใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง สำเนาคำร้องขอเลื่อนคดีให้ของจำเลยที่ 1ให้ทนายโจทก์ที่ 1และทนายโจทก์ที่ 2 แล้วแถลงไม่คัดค้านอาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 1 แต่ในการเลื่อนคดีขอให้อยู่ดุลพินิจของศาล
พิเคราะห์แล้วเห็นว่าทนายจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าจำเลยที่ 1 มีอาการ เจ็บป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดง กรณีมีเหตุสมควรจึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาในวันที่ 21 เม.ย.65 หมายศาลแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบโดยส่งไปที่บ้าน บ้านจำเลยที่ 1 ที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา การส่งไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด ซึ่งเป็นที่อยู่ที่ทนายจำเลยที่ 1 แถลงต่อศาลว่า ขอให้ส่งหมายให้จำเลยที่ 1 ตามที่อยู่ดังกล่าว และให้ประกาศแจ้งวัน นัดให้จำเลยที่ 1 ทราบ ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อีกทางหนึ่ง.