คุมทำแผนฯ คนร้ายควงปืนปล้นทองเพชรบูรณ์ หนีไม่รอดถูกกดดันให้มอบตัว สารภาพโควิดทำค้าขายเจ๊งเป็นหนี้ก้อนโต ต้องจ่ายเงินกู้รายวัน วันละหมื่นกว่าบาท แต่รายได้ไม่พอจึงคิดชั่ววูบลงมือ
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายเอาปืนจี้ชิงสร้อยทองคำจากร้านทองเยาวราชสินทวี ที่ห้างบิ๊กซีอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อเวลา 19.05 น.วานนี้ (24 ม.ค.) หลังได้สร้อยทองหนักรวม 23 บาทไป คนร้ายจึงวิ่งไปที่ประตูทางออกห้าง และใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าห้างบิ๊กซีหนึ่งนัดก่อนขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 110ไอ สีขาวแดง หมายเลขทะเบียน ขนข-921 เพชรบูรณ์ หลบหนีไป
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรุดไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ห้างโลตัส ก่อนกระจายกำลังกันออกติดตามค้นหา โดย พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง รอง ผบก.ภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ลงมาเก็บข้อมูลและสืบหาหลักฐานด้วยตนเองได้ กล่าวว่า มีความมั่นใจว่าจะสามารถจับคนร้ายรายนี้ได้ในระยะเวลาไม่นาน เพราะดูจากลักษณะแล้วไม่ใช่โจรมืออาชีพ และทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้มากมาย อีกทั้งพาหนะที่ใช้กระทำความผิดก็เป็นรถจักรยานยนต์ซึ่งคาดว่าจะไปได้ไม่ไกลนัก
...
หลังส่งชุดสืบสวนออกติดตามคนร้ายก็ได้เบาะแสว่าคนร้ายรายนี้น่าจะเป็นนายนพรุจ สุขเสถียร หรือแมน อายุ 40 ปี ประกอบอาชีพขายมะขามแปรรูปแช่อิ่ม ชาวบ้าน หมู่ 1 ต.นาเกาะ อ.หล่มเก่า ก่อนที่จะขอให้ญาติและคนใกล้ช่วยกล่อมให้นายนพรุจมอบตัว โดยเมื่อเช้าวันนี้ ตำรวจได้ไปรับตัวนายนพรุจ ตามที่แจ้งว่าจะเข้ามอบตัว โดยนัดที่โคกหนองนาของนายมนัญชัย ตริสุข กำนันตำบลนาเกาะและนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.หล่มสัก
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.ภ.6 เปิดเผยว่า นายนพรุจประสบปัญหาเกี่ยวกับการค้าที่ทำอยู่เพราะพิษโควิด-19 จนต้องไปกู้ยืมเงินดอกเบี้ยรายวันทำให้หนี้สินล้นพ้นตัวจนได้ไปปรึกษาภรรยาเพื่อเตรียมการปล้นทอง แต่ภรรยาได้ห้ามปรามไว้และไม่คิดว่านายนพรุจจะลงมือก่อเหตุจริง โดยได้มาดูลาดเลาและตระเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วหลายวัน ช่วงเกิดเหตุได้มาสูบบุหรี่ที่ลานจอดรถหน้าห้างประมาณ 1 ชั่วโมงเศษก่อนลงมือเข้าปล้นทองช่วงใกล้ปิดห้างได้ของกลางเป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนักประมาณ 23 บาท มูลค่ากว่า 690,000 บาท วิ่งหลบหนีไป เมื่อถึงประตูอัตโนมัติด้านหน้าพบว่าประตูยังไม่ได้เปิดจึงใช้ด้ามปืนทุบที่ของประตู 1 ครั้งทำให้มีเสียงดังคล้ายยิงปืน ทำให้ประตูเปิดออก และวิ่งหลบหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้หลบหนีไป
รอง ผบช.ภ.6 กล่าวอีกว่า สำหรับนายนพรุจนั้นไม่ได้เป็นคนร้ายมืออาชีพ อาจเป็นเพราะหลงผิดจึงคิดหาเงินในทางที่ไม่ถูกต้องและทิ้งหลักฐานจนนำไปสู่การติดตามจับกุมได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ส่วนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นนายนพรุจได้ใช้ความรู้ที่เคยเรียนมาเกี่ยวกับช่างที่วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งมาประดิษฐ์ปืนสั้นแบบยิงนัดเดียวไว้สำหรับใช้เอง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว
...
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก คุมตัว นายนพรุจ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ ตั้งแต่ตอนไปถึงหน้าร้านทอง ชักอาวุธปืนข่มขู่พนักงานในร้าน โดดขึ้นเคาน์เตอร์จากนั้นเปิดตู้นำถาดใส่สร้อยทองออกมา หลังเสร็จสิ้นการทำแผน จึงนำตัวกลับ สภ.หล่มสัก เพื่อเตรียมส่งตัวขอศาลฝากขังต่อไป.