หนุ่มพ่อค้ามะขามแช่อิ่มที่หล่มสัก เพชรบูรณ์ ผันตัวเป็นโจร บุกเดี่ยวชิงทองรูปพรรณหนัก 23 บาท ร้านในห้างฯ ผ่านไปคืนเดียวประสานกำนันให้พามอบตัวพร้อมของกลาง และปืนที่ใช้ก่อเหตุ ทั้งพ่อ เมียตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้าย เพราะเป็นคนดี รับครอบครัวขยันทำกิน เพียงแต่เป็นหนี้เยอะ เจ้าตัวยอมรับ เฉพาะหนี้จากกู้รายวันต้องหาเงินส่งวันละเป็นหมื่น
จากเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวจี้ชิงทองรูปพรรณ เป็นสร้อยคอจำนวน 23 เส้น น้ำหนัก 23 บาท มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท จากร้านทองเยาวราชสินทวี ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เมื่อเวลา 19.05 น. วันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด เวลา 08.30 น. วันที่ 25 ม.ค. ตำรวจ สภ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยพ่อกับแม่ผู้ต้องหา เดินทางไปรับตัว นายนพรุจ สุขเสถียร หรือแมน อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาชิงทอง ซึ่งติดต่อขอมอบตัวผ่านทาง นายมนัญชัย ตริสุข อายุ 49 ปี กำนัน ต.นาเกาะ ที่โคกหนองนาโมเดล พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำ 23 เส้น มูลค่าครึ่งล้าน และปืนสั้นไทยประดิษฐ์ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก จึงนำตัวไปสอบสวนยังโรงพัก
นายมนัญชัย ตริสุข อายุ 49 ปี กำนัน ต.นาเกาะ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากตำรวจว่า นายแมน คือผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทอง รู้สึกแปลกใจ เพราะนายแมนเป็นคนขยันทำมาหากิน ดูแลครอบครัว เดิมทีเป็นคนอำเภอหล่มสัก แต่ได้มาแต่งงานกับลูกบ้านมา 16 ปีแล้ว มีลูกยังเล็ก 2 คน ประกอบอาชีพทำมะขามแช่อิ่มขาย มีฐานะยากจน ขายที่ดินใช้หนี้จนหมดแล้ว เนื่องจากมีหนี้สินจำนวนมาก ทั้งนี้ตนได้ตามไปที่บ้านของผู้ต้องหา แต่ไม่เจอตัว เจอแต่ภรรยาซึ่งตกใจ ไม่ทราบว่าสามีไปก่อเหตุชิงทอง จึงให้ภรรยาโทรพูดคุยเกลี้ยกล่อมสามีให้ยอมมอบตัว ทางผู้ต้องหาเองก็แจ้งความประสงค์ว่า ต้องการจะมอบตัวอยู่แล้ว จึงนัดหมายที่โคกหนองนาโมเดล
...
เมื่อกำนันไปถึงพบว่า ผู้ต้องหาอยู่คนเดียว จึงถามถึงสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ นายแมนตอบว่า เพราะอารมณ์ชั่ววูบจากที่ติดหนี้เงินกู้รายวันจำนวนมาก ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ ต้องจ่ายวันละเป็น 10,000 บาท จึงก่อเหตุดังกล่าว จากนั้นมอบของกลางทั้งหมดให้กำนัน โดยมีอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และทองคำใส่ถุง ก่อนที่กำนันจะประสาน พ.ต.อ.สุรวิช ชัยสิทธิ์ ผกก.สภ.หล่มสัก พร้อมบิดามารดาของผู้ต้องหามาพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปรับตัวมาดำเนินคดี
ด้านนายแมน หรือ นายนพรุจ สุขเสถียร อายุ 40 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.นาเกาะ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหา เผยว่า ก่อนลงมือก่อเหตุ คิดอยู่ประมาณ 2 วัน โดยเฉพาะช่วงก่อนก่อเหตุได้ไปสูบบุหรี่อยู่ลานจอดรถหน้าห้างบิ๊กซีประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ก่อนตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบลงมือก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนบุกลงมือชิงทอง โดยไม่ได้เจตนาจะเอาชีวิตใคร หรือทำร้ายใคร ขอรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุลงมือจริง เพราะไม่มีเงินไปใช้หนี้เงินกู้รายวัน
นายสมชาย สุขเสถียร อายุ 59 ปี พ่อผู้ต้องหา กล่าวว่า ไม่รู้เรื่องของลูกชายมาก่อนเลย ไม่คิดว่าผู้ต้องหาจะเป็นลูกชายด้วยซ้ำ เพราะลูกชายเป็นคนดี รักพ่อแม่ รักครอบครัว ขยันทำงาน นิสัยเรียบร้อย ไม่เกเร หลังแต่งงานมีครอบครัวไปก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน และไม่ค่อยรู้เรื่องของลูกชายมากเท่าไร รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ภรรยาผู้ต้องหา เล่าทั้งน้ำตาว่า สามีเป็นคนดี แต่ครอบครัวของเราประสบปัญหาด้านการเงิน มีหนี้สินจำนวนมาก สามีไม่เคยพูดให้ฟังว่าจะมาก่อเหตุ รู้สึกตกใจที่เห็นตำรวจมาตามตัวถึงบ้าน และแจ้งว่าสามีคือผู้ต้องสงสัยก่อเหตุปล้นร้านทอง ทุกอย่างเหมือนฝัน ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง สามีรักลูกและขยันทำมาหากิน หลังทราบข่าวจึงโทรศัพท์ไปหาสามีพูดคุยกัน ซึ่งสามีเองก็ได้แจ้งว่าอยากมอบตัวเหมือนกัน และรู้สึกสำนึกผิด จึงได้คุยกันว่าจะมอบตัวกับกำนันซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ จึงประสานกำนันให้มารับตัว ส่วนหนี้สินไม่อยากเปิดเผยยอดหนี้ที่มีอยู่จำนวนมาก รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก.