"บิ๊กโจ๊ก" แถลงคดีพลิกแม่แท้ๆ เปิดปากรับสารภาพ เป็นคนทำร้ายลูกใช้ไม้แขวนเสื้อไม้ตีลูกจนเจ็บ ก่อนจะนอนเสียชีวิตในรถ ตร.เตรียมนำตัวพ่อสอบใหม่ คาดที่รับสารภาพแทนเมียเพราะต้องการให้เมียดูแลลูกแท้ๆ วัย 11 เดือน
จากเหตุการณ์พบศพเด็กชายอายุ 6 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์เก๋งจอดอยู่ริมถนนภายในชุมชนแหลม ทองหลาง ม.5 ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด (2 ม.ค.) ที่ผ่านมา และสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 และ พล.ต.ต.ดร.ปกรณ์ มณีปกรณ์ ผบก.ภ.จว.ตราด ให้ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับความรุนแรงภายในครอบครัว, การทารุณกรรมเด็ก และประชาชนให้ความสนใจ
ล่าสุดวันนี้ (5 ม.ค.) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 3 สถานีตำรวจภูธรแหลมงอบ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจสอบ และแถลงข่าวสาเหตุการเสียชีวิต ว่า จากเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่ นายปัญญา ชัยเชียงเอม อายุ 44 ปี พ่อเลี้ยงของ ด.ช.สายฟ้า ถนอมวงษ์ อายุ 6 ปี ได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือทำร้ายร่างกาย ด.ช.สายฟ้าฯ จนเสียชีวิต โดยก่อนเกิดเหตุได้เสพยาเสพติด (ยาไอซ์) และเมื่อนายปัญญาจะออกจากบ้านไปจับปู ด.ช.สายฟ้า ได้ร้องตามจะออกไปด้วย ก่อนที่นายปัญญา เกิดความโมโหจึงลงมือทำร้ายร่างกาย ด.ช.สายฟ้า โดยจับโยนไปกระแทกกับล้อรถแล้วนำไปนอนในรถจนมาพบว่าเสียชีวิตในช่วงเช้า แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อจึงได้สืบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนได้ข้อมูลว่า น.ส.นลินรัตน์ ถนอมวงษ์ อายุ 37 ปี แม่แท้ๆ ของ ด.ช.สายฟ้า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องจึงเชิญตัวมาสอบสวน จนวันที่ 4 ม.ค. 65 เจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็ก กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราดได้เดินทางมารับตัว ลูกสาววัย 11 เดือน ของผู้ต้องหาไปดูแลพร้อมอธิบายหลักการดูแลว่าเด็กอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย จนทำให้ น.ส.นลินรัตน์ คลายกังวลในความเป็นห่วงลูก จนทำให้ น.ส.นลินรัตน์ ได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือทำร้ายร่างกาย ด.ช.สายฟ้า บุตรชาย
...
โดยช่วงเช้าเวลา 07.30 น. วันที่ 1 ม.ค. 65 น.ส.นลินรัตน์ ได้ไปปลุกลูกชาย (ผู้เสียชีวิต) ภายในรถยนต์คันเกิดเหตุ พบว่าลูกชายอุจจาระภายในรถ จึงเกิดความโมโหและได้ใช้ไม้แขวนเสื้อที่ทำจากไม้ ตีลูกชายที่บริเวณศีรษะและตามร่างกายจำนวนหลายครั้งจนไม้แขวนเสื้อหัก จากนั้นลูกชายได้ออกไปเล่นนอกบ้านในหมู่บ้านตามปกติ จนกระทั่งค่ำ ด.ช.สายฟ้า ได้กลับไปนอนภายในรถดังกล่าว ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. จนถึงเช้าวันที่ 2 ม.ค. 65 จึงได้ทราบว่าลูกของตนเสียชีวิตในรถดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ไม่แจ้งตำรวจ เนื่องจาก น.ส.นลินรัตน์ มีความตกใจกลัว และเกรงว่าจะไม่มีคนดูแลลูกสาวอีกคนของตนที่มีอายุเพียง 11 เดือน ซึ่งเป็นลูกของตนและนายปัญญา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจเปรียบเทียบ DNA ที่พบบนไม้แขวนเสื้อ ตลอดจนเปรียบเทียบบาดแผลของผู้เสียชีวิตกับไม้แขวนเสื้อไม้ตามคำให้การ เพื่อใช้พิสูจน์ยืนยันการกระทำความผิด ของ น.ส.นลินรัตน์ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ มีการสอบพยานแวดล้อม พร้อมทั้งมีการประสานความร่วมมือไปยัง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ตราด จนทราบว่า ผู้เป็นแม่เป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง และชอบลงมือตีน้องสายฟ้าเป็นประจำ ประกอบกับผลชันสูตรศพพบว่า เด็กมีอาการสมองบวม กะโหลกร้าว แขนซ้ายหัก ซึ่งบาดแผลรอยกะโหลกร้าวที่พบมีทั้งบาดแผลเก่าที่เกิดมาได้ประมาณ 2 เดือนและก็บาดแผลใหม่ ส่วนแขนซ้ายที่หักก็เป็นการหักมาแล้วประมาณ 2 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับพยานที่บอกว่าแม่เด็กมักจะทำร้ายเด็กอยู่เป็นประจำ
ส่วนสาเหตุที่ นายปัญญา มักจะเอาน้องสายฟ้าไปนอนในรถ เพราะเกรงจะถูกแม่ทำร้าย ซึ่งขณะนี้ตำรวจในชั้นพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีทั้ง 2 คน แต่ในส่วนของนายปัญญา ที่เป็นพ่อเลี้ยงนั้น ที่มีการให้การรับสารภาพไปก่อนหน้านั้น ทราบว่าจะมีการขอให้ปากคำใหม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการนำตัวมาสอบปากคำใหม่ ซึ่งเบื้องต้นทางตำรวจเชื่อว่านายปัญญา อาจจะให้การในครั้งแรกเพื่อที่จะช่วย น.ส.นลินรัตน์ ให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดีเพื่อให้เลี้ยงดูลูกคนเล็ก แต่ด้วยพยานหลักฐานต่างๆ บ่งบอกว่าแม่เป็นคนทำร้ายลูกอย่างแน่นอน ในส่วนนายปัญญา หากมีการสอบปากคำใหม่แล้วพบว่านายปัญญา ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการก่อเหตุพนักงานสอบสวนอาจจะไม่สั่งฟ้องในบางข้อหา เพราะทางตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดจริงๆ เท่านั้น
ในการนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ได้ทราบถึงพฤติการณ์ในการกระทำผิดลักษณะดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้ช่วยกันสอดส่องดูแลเด็กและเยาวชนที่ อาจตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวสามารถแจ้ง ข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ.