***แฟ้มภาพ***
ลุ้นชี้ชะตา ศาลนัดอ่านฎีกา 2 คดีใหญ่ คดี "ธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีตอธิบดีดีเอสไอกับพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหา "มาร์ค-เทพ" สั่งฆ่าประชาชนกระชับพื้นที่ชุมนุม นปช. กับคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ
วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 16 ธ.ค. 64 เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 200 วรรคสอง
กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค. 54 - 13 ธ.ค. 55 จำเลยทั้งสี่ในฐานะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนและตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสอง ฐานสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ให้ออกจากตำแหน่งนายกฯ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์เห็นว่าพวกจำเลยกระทำผิดจริงจึง พิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่ คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา
...
จำเลยทั้งสี่ ยื่นฎีกา และได้รับการประกันตัว จะต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษาฎีกา
นอกจากนี้ยังมีคดีที่ห้องพิจารณาเดียวกัน ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีทัวร์ศูนย์เหรียญ หมายเลขดำ ฟย.46/2559 ที่พนักงานอัยการคดีฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมเกียรติ คงเจริญ อายุ 62 ปี กก.ผจก.บริษัท ซินหยวน ทราเวล จำกัด, นางธวัล แจ่มโชคชัย อายุ 64 ปี กก.ผจก.บจก.ฝูอัน ทราเวล, บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด, นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี อายุ 31 ปี กก.ผจก บจก.โอเอฯ, บริษัท รอยัลเจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท ไทยเฮิร์บ จำกัด, บริษัท บางกอก แฮนดิคราฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด, บริษัท รอยัลพาราไดซ์ จำกัด, นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี อายุ 66 ปี กรรมการผู้จัดการทั้งสี่บริษัท ซึ่งเป็นมารดาของนายวสุรัตน์, นายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อายุ 65 ปี สามีนางนิสา, บริษัท บ้านขนมทองทิพย์ จำกัด, น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี อายุ 40 ปี กรรมการผู้มีอำนาจ บจก.บ้านขนมทองทิพย์ ซึ่งเป็นบุตรของนายธงชัย และนายวินิจ จันทรมณี อายุ 74 ปี กก.ผจก. บริษัทซินหยวน ทราเวล จำกัด และบริษัทฝูอันฯ เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 วรรคแรก, พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
กรณีสืบเนื่องเมื่อระหว่างวันที่ 24 มี.ค. - 31 ส.ค. 2559 ต่อเนื่องกัน บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวโดยไม่เสียค่าบริการ หรือที่เรียกว่า "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" จากนั้นบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด จำเลยให้ใช้รถบัสจำนวน 2,500 คัน รับนักท่องเที่ยวฟรี โดยเป็นผู้กำหนดแผนการเดินทางให้มัคคุเทศก์และผู้ขับขี่นำรถไปจอดให้นักท่องเที่ยวแวะซื้อสินค้าจากร้านในเครือเดียวกับบริษัท โอเอฯ ซึ่งสินค้ามีราคาแพงกว่าท้องตลาดหลายเท่า แสดงฉลากไม่ถูกต้อง เป็นการขูดรีดนักท่องเที่ยว ไม่เป็นการแข่งขันเสรีทางการค้า อำพรางแบ่งปันผลประโยชน์ โดยบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด แบ่งปันผลประโยชน์ให้บริษัททัวร์ 30-40% ให้มัคคุเทศก์ 3-5% มีพฤติกรรมลักษณะเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ ปกปิดวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินของนักท่องเที่ยวศูนย์เหรียญชาวจีน จนเกิดความเสียหายมูลค่า 98 ล้านบาทเศษ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษปรับเฉพาะ จำเลยที่ 1, 2 เเละ 13 ผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวเเละมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 มาตรา 24, 82 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ให้ปรับรายละ 5 แสนบาท นอกจากที่เเก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โดยจำเลยต้องเดินทางมาศาลเช่นกัน