จนท.นำตัวนายเปรมชัย และพวกในฐานะผู้ต้องโทษคำพิพากษาในคดีร่วมกันล่าเสือดำ ออกมาปลดกำไลข้อเท้า ตรวจหาเชื้อโควิด ก่อนนำขึ้นรถเดินทางไปเรือนจำทองผาภูมิรับโทษจำคุก 2 ปี 14 เดือน 

วันที่ 8 ธันว่าคม 2564 ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ภายหลังศาลฎีกา นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อ.219/61 และคดีหมายเลขแดงที่ 62/63 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ (โจทก์) นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4

โดยนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 ได้เดินทางมาถึงศาลโดยรถยนต์ส่วนตัว โดยใบหน้าของนายเปรมชัย ปิดผ้าพันแผลขนาดใหญ่เอาไว้ที่บริเวณตาและคิ้วด้านซ้าย เมื่อลงจากรถได้สวมเสื้อสูท ไม้เท้าพยุงเดินขึ้นไปบนศาลพร้อมกับ จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 4 และนายวิทูล ยิ้มพราย

...

ศาลใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาฎีกา ประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำผ้าใบมาปิดกั้นไว้ไม่ให้สื่อมวลชนนั้นมองไม่เห็นด้านใน แต่ก็ยังมีช่องว่าพอที่จะมองเห็นว่านายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ออกมาจากศาลแล้วมีเจ้าน้าที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามด้วยนายเปรมชัย สวมกางเกงขายาวสีดำ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ออกมาตรวจหาเชื้อโควิด โดยเจ้าหน้าที่ต้องปลดกำไลอีเอ็มที่เจ้าหน้าที่ติดเอาไว้ที่ขาของจำเลยทั้ง 3 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนนำตัวนายเปรมชัยและพวก ขึ้นรถเดินทางไปรับโทษตามคำพิพากษา ที่เรือนจำทองผาภูมิ

วันเดียวกัน สํานักงานศาลยุติธรรมออกเอกสารข่าว เผยแพร่ผลคำพิพากษาคดีเสือดำที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิมีรายละเอียดดังนี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูตเป็นจำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือเป็นจำเลยที่ 2 นางนที เรียมเสนเป็นจำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศเป็นจำเลยที่ 4

คดีนี้จำเลยที่ 1 2 และ 4 ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ถึง 4 ฐานร่วมกันทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติจำคุกคนละ 1 ปีปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาทและฐานมีไว้ซึ่งศักดิ์เสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำคุกคนละ 6 เดือนปรับคนละ 10,000 บาทฐานมีซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองคนละ 2 เดือนปรับคนละ 10,000 บาทและฐานล่าเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าในเขตคุ้มครองรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี

เมื่อรวมโทษจำคุก 3 เดือนของจำเลยที่ 2 และ 4 ในฐานความผิดมีอาวุธปืนของผู้อื่นและมีเครื่องกระสุนอาวุธกับโทษจำคุก 6 เดือนของจำเลยที่ 1 2 และ 4 ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปโดยไม่ได้รับอนุญาตมีเครื่องกระสุนโดยไม่รับอนุญาต กับโทษจำคุก 6 เดือนของจำเลยที่ 1 ,2 และ 4 ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่ทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตและโทษจำคุก4 เดือนของจำเลยที่ 4 ฐานพยายามฆ่ากระรอกซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์แล้วนั้น

แก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึง 4 ชั้นผิดร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยได้รับอนุญาตซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นที่เสื่อมสภาพของป่าสงวน จึงให้ลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวน และยกฟ้องนความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี 2535 มาตรา 55 แล้วนั้น

ดังนั้น คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 (นายเปรมชัย) เป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน จำเลยที่ 2 (นายยงค์) จำคุก 2 ปี 17 เดือนจำเลยที่ 3 จำคุก 1 ปี 8 เดือนปรับ 40,000 บาทโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปีและจำคุกจำเลยที่ 4 (นายธานี) เป็นเวลา 2 ปี 21 เดือน.