รวบทอมหัวหน้าแผนกคลังสินค้า วางเพลิงเผาโกดังเก็บน้ำมันเครื่องย่าน อ.สามพราน จ.นครปฐม เสียหายไปกว่า 40 ล้านบาท ช่วงก่อเหตุได้รับบาดเจ็บที่แขนท่าทางมีพิรุธ กระทั่งพบหลักฐานกล้องวงจรปิดขณะใช้กระดาษจุดไฟวางไว้ที่แกลลอนน้ำมันและกล่องกระดาษ สารภาพคับแค้นใจถูกนายจ้างด่า สุดทนเผาโรงงานระบายแค้น
จากเหตุไฟไหม้คลังเก็บน้ำมันหล่อลื่นเลขที่ 26/15 หมู่ 2 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ของบริษัท ประภากร ออยล์ จำกัด มีนายพิพัฒน์ อึ่งประภากร อายุ 65 ปี เป็นเจ้าของ ภายในโกดังมีน้ำมันเครื่องชนิดถัง 200 ลิตร และ 5 ลิตร จำนวนนับหมื่นแกลลอน มีน้ำมันบรรจุรวมหลายแสนลิตร ไฟโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงกลายเป็นทะเลเพลิงเสียหายร่วม 40 ล้านบาท ต่อมาตำรวจคุมตัว น.ส.สิราสินี หรือแอน ศรียา อายุ 38 ปี สาวทอม หัวหน้าแผนกคลังสินค้าอยู่บ้านเลขที่ 168/99 หมู่ 4 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม ไปสอบสวน หลังได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟลวก และมีบาดแผลฉีกขาดที่แขนด้านขวานำตัวส่งโรงพยาบาลมหาชัย 2 อ้อมน้อย พบหลักฐานกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในโกดังถูกไฟไหม้ แต่เจ้าหน้าที่กู้ข้อมูลพบว่า ช่วงเกิดเหตุภายในโกดัง น.ส.สิราสินีอยู่เพียงลำพังคนเดียว เพราะคนงานพักเที่ยงออกไปทานข้าวกันหมด สงสัยเป็นเหตุลอบวางเพลิง
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม แถลงข่าวจับกุม น.ส.สิราสินี หรือแอน ศรียา อายุ 38 ปี ในข้อหากระทำความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ซึ่งทรัพย์นั้นเป็นโรงเรือนที่เก็บสินค้าโดยวางเพลิงเผาโกดังเก็บสินค้าประเภทน้ำมันหล่อลื่นของบริษัท ประภากร ออยล์ จำกัด
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ กล่าวว่า จากเหตุไฟไหม้คลังเก็บสินค้าน้ำมันเครื่องของ บริษัท ประภากร ออยล์ จำกัด สั่งให้ตรวจสอบหากล้องวงจรปิด แต่ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดถูกเพลิงเผาผลาญไปด้วย สั่งให้เจ้าหน้าที่กู้ซิมการ์ดของกล้องเพื่อยืนยันว่าสาเหตุเกิดจากอะไร พร้อมกับให้ตรวจสอบและช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณด้านหลังติดรั้วของโรงงานมีทั้งตึกแถวและตลาดสดว่ามีใครได้รับความเสียหายเพื่อหาทางช่วยเหลือ และให้จัดที่พักพิงชั่วคราวจนกว่าเพลิงจะสงบ กระทั่งตรวจสอบจากซิมการ์ดกล้องวงจรปิดพบว่าในช่วงเวลาเที่ยง ขณะที่คนงานทั้งหมดออกไปทานอาหารพักเที่ยง ปรากฏภาพของ น.ส.สิราสินีอยู่ภายในบริเวณที่เก็บสินค้าเพียงคนเดียว เดินวนเวียนโดยในมือมีกระดาษเช็กสต๊อกสินค้าขนาดเอ 4 อยู่ในมือ และเดินเข้าไปยังกองวัตถุที่วางน้ำมันเครื่องซึ่งมีทั้งบรรจุถังและบรรจุกล่องเตรียมส่งจำหน่าย จุดไฟเผากระดาษที่ถืออยู่แล้ววางที่พื้นบริเวณที่มีกล่องกระดาษบรรจุน้ำมันหล่อลื่นถึง 2 จุดด้วยกัน ห่างกันประมาณ 20 เมตร จากนั้นเห็นกลุ่มไฟลุกขึ้น จากนั้น น.ส.สิราสินี เดินออกมาจากโกดัง
...
พล.ต.ท.ธนายุตม์กล่าวอีกว่า เมื่อดูกล้องวงจรปิดแล้ว สั่งการให้ พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม ลงไปควบคุมคดีนำชุดสืบสวน ไปควบคุมตัว น.ส.สิราสินีมาสอบสวน แพทย์ทำแผลให้เรียบร้อยและปลอดภัยแล้วมาสอบสวนที่ สภ.โพธิ์แก้ว การสอบสวนครั้งแรก น.ส.สิราสินีให้การปฏิเสธ กระทั่งตำรวจให้ดูภาพกล้องวงจรปิดช่วงเกิดเหตุจึงยอมจำนน
น.ส.สิราสินีสารภาพว่า ทำงานในบริษัทประภากร ออยล์ มานานกว่า 9 ปี ตำแหน่งหัวหน้าแผนกคลังสินค้า แต่เกิดความกดดันที่ต้องถูกเจ้าของด่าทอทุกวัน ทำให้เกิดความคับแค้นใจมาโดยตลอด กระทั่งถึงจุดระเบิดคิดวางเพลิงในช่วงพนักงานออกไปกินข้าวเที่ยงกันหมด เริ่มจากจุดไฟแช็กกับลังกระดาษที่บรรจุสินค้า และในจุดที่ 2 จุดไฟแช็กกับกระดาษเช็กสต๊อกเป็นกระดาษเอ 4 ที่ถือในมือ เมื่อติดไฟแล้ววางกระดาษลงกับพื้น จากนั้นไฟลุกรีบวิ่งหลบหนีไฟ ปรากฏว่าสะดุดล้มทำให้ไฟแช็กที่ใช้ก่อเหตุหล่นหายไป และไม่คาดคิดว่าไฟจะลุกไหม้รุนแรงมากขนาดนี้ ส่วนจุดที่มีกล้องวงจรปิด ตนไม่ได้คิดจะเดินหลบหนีกล้องแต่อย่างใด เดินทำงานไปมาตามปกติ สาเหตุเพราะความโกรธแค้นนายจ้างที่ชอบมาด่าจนเกิดความกดดันและความเครียด
ด้านนายพิพัฒน์ อึ้งประภากร เจ้าของโรงงานเปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นเจ้าของบริษัทต้องดูแลในทุกส่วน เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากคลังสินค้าถือเป็นวัตถุอันตราย ส่วนใหญ่จะเพียงแค่ตำหนิลูกน้องในเรื่องของการทำงานเท่านั้น เช่นการสวมใส่หมวกเวลาทำงาน หรือสวมใส่รองเท้าบูตเพื่อความปลอดภัย เมื่อเห็นบุคลากรในบริษัทแต่งตัวไม่เรียบร้อยจะเรียกมาตำหนิ ส่วนใหญ่จะมีเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น แต่สำหรับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องครอบครัวของตน ตนไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องอื่นหรือไม่