ตำรวจ PCT ทลายเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ MBC Club มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท และขบวนการหลอกลงทุนแพลตฟอร์ม KING POWER เสียหายกว่า 10 ล้านบาท

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 พ.ย. 64 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ MBC Club มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท และผลการจับกุมผู้ต้องหาขบวนการหลอกลงทุนในแพลตฟอร์มคำสั่งซื้อ KING POWER (THAILAND) ความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เผยว่า เครือข่าย MBC Club ได้ชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนใน Forex โดยหลอกลวงว่าจะได้กำไรเฉลี่ย 40% ของเงินที่ลงทุนต่อเดือน และจะนำผลกำไรมาปันผลให้กับผู้ร่วมลงทุน แต่หากลงทุนครบจำนวน 40,000,000 บาท ภายในสิ้นปีจะได้รับรางวัลเป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อ Porsche 718 Boxster จากบริษัท ซึ่งการลงทุนดังกล่าวมีแผนการร่วมลงทุน แบ่งเป็น 5 แพ็กเกจ ดังนี้

แพ็กเกจที่ 1 MEMBER ทุนจำนวน 50,758 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 110% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 27.50%

แพ็กเกจที่ 2 SILVER ทุนจำนวน 253,750 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 115% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 28.75%

แพ็กเกจที่ 3 TITANIUM ทุนจำนวน 507,500 บาททาง CLUB เพิ่มทุนให้ 120% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 30%

แพ็กเกจที่ 4 GOLD ทุนจำนวน 2,537,500 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 125% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 31.25%

เเพ็กเกจที่ 5 PLATINUM ทุนจำนวน 5,075,000 บาท ทาง CLUB เพิ่มทุนให้ 130% เฉลี่ยกำไรต่อวันคิดเป็น 32.50%

โดยระยะเวลาจ่ายผลตอบแทน 40 วัน โดยจ่ายทุก 10 วัน ซึ่งในคดีนี้มีผู้ตกเป็นผู้เสียหายกว่า 1,000 ราย ในช่วงแรกๆ ผู้เสียหายได้รับผลตอบแทนจาก MBC CLUB จริง ยิ่งทำให้ผู้เสียหายเกิดความเชื่อมั่นว่าสามารถลงทุนไปแล้วได้ผลตอบแทนจริง จากนั้นคนร้ายจะชักชวนให้ลงทุนเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ต่อมาเริ่มไม่มีการจ่ายผลตอบแทนตรงตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งทาง Club ยังชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนแบบใหม่คือ Save Coin SME โดยวิธีการลงทุนคือ ต้องโอนเงินเข้าไปซื้อเหรียญ CMBC Coin และให้เก็บไว้ทาง CLUB จะปันผลให้เดือนละ 20% และเหรียญนี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ค่อยนำออกมาขายเมื่อราคาเป็นที่น่าพอใจ

...

หลังจากผู้เสียหายร่วมลงทุนไปแล้ว คนร้ายได้จ่ายผลตอบแทน ต่อมาคนร้ายแจ้งว่าจะหยุดจ่ายผลตอบแทนเป็นเงินสด รวมทั้งการคืนทุนด้วยแต่จะจ่ายในรูปแบบเหรียญดิจิทัล CMBC Coin ให้แทน โดยบอกว่าเหรียญนี้ขายในกระดานซื้อขายเหรียญดิจิทัลชื่อ FFF Exchange ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นเพียงวิธีการหลอกลวงของคนร้าย ทำให้ผู้เสียหายจำนวนมากหลายพันคน รวมความเสียหายรวมเป็นเงินรวมกันประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท

สำหรับคดีนี้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT สืบสวนจนสามารถขอศาลอนุมัติหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้ คือ นายวินกรณ์ (สงวนนามสกุล) ในความผิดฐาน ฉ้อโกง และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งนายวินกรณ์ เป็นเจ้าของบัญชีที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไป โดยจะขยายผลจัลกุมคนร้ายที่เหลือทั้งหมดต่อไป

ส่วนขบวนการหลอกลงทุนในแพลตฟอร์มคำสั่งซื้อ KING POWER (THAILAND) มีกลุ่มคนร้ายได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนหาค่าคอมมิชชันผ่านแอปพลิเคชันไทยเดลี่ เป็นโฆษณาเชิญชวนเมื่อสนใจกดเข้าไปดูจะส่งลิงก์ให้เข้าไปที่กลุ่ม Line Open Chat โดยคนร้ายได้ใช้ชื่อบัญชีแสดงตนเป็นบุคคลมีชื่อเสียง อ้างเป็นตัวแทนฝ่ายบริการจาก KING POWER (THAILAND) ชักชวนให้ลงทุนสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จนผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุนผ่านแอปออนไลน์ ซึ่งบริษัทการันตีผลตอบแทนกำไรจากกองทุน 20-30% ของการลงทุนทุกครั้ง

โดยใช้เงินลงทุนต่ำและได้รับผลกำไรสูงในระยะเวลาอันสั้น มูลค่าความสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ได้สืบสวนจนสามารถขออนุมัติหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือ นายรัฐวิทย์ และ นายพงศ์ระวี (สงวนนามสกุล) ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 20 ราย

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีการสั่งการให้ทุกหน่วยทั่วประเทศระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 กลุ่ม ในห้วงวันที่ 11-20 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นการหลอกลวงออนไลน์ทางด้านการเงิน 227 คดี ผู้ต้องหา 198 คน การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย 418 คดี ผู้ต้องหา 444 คน, การเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 500 คดี ผู้ต้องหา 446 คน, การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรีทางอินเทอร์เน็ต และ การค้ามนุษย์ 94 คดี ผู้ต้องหา 79 คน การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติและอื่นๆ 1,400 คดี ผู้ต้องหา 1,464 คน สามารถจับกุมได้ รวมทั้งสิ้น 2,631 ราย.