ตร.นำตัวอดีตผู้สมัคร ส.ส.ปืนโหดยิงญาติที่ตั้งวงเล่นเปตองตาย 2 สาหัส 1 ฝากขังศาลอาญาตลิ่งชัน เจ้าตัวรับวันเกิดเหตุถูกด่าทอจี้ใจดำ เลยบันดาลโทสะ ยังไม่คิดจะทำถึงตาย ขอโทษครอบครัวผู้ตายด้วย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 พ.ย. 64 ที่ สน.บางขุนนนท์ พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.บางขุนนนท์ กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนจะนำตัวนายนายธุรการ ยังบรรเทา อายุ 67 ปี ผู้ต้องหา ไปยื่นฝากขังที่ศาลอาญาตลิ่งชัน โดยคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เบื้องต้นแจ้ง 5 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่า, พกพาอาวุธปืนในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ, ยิงปืนในสถานที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และบุกรุกเคหสถาน ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พ.ต.อ.ธีระ กล่าวอีกว่า ส่วนลูกชายผู้ก่อเหตุอยู่ที่เกิดเหตุ แล้วถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุไว้โดยไม่มีการห้ามปรามนั้น ทางตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุครั้งนี้หรือไม่ หากพบพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องก็จะมีการพิจารณาดำเนินคดี นอกจากนี้มาตรการป้องกันปัญหาเรื่องการกระทบกระทั่งของเครือญาติผู้ก่อเหตุ อาจจะนำไปสู่เหตุความรุนแรง ทางตำรวจได้มีการวางมาตรการป้องกันโดยให้สายตรวจไปทำความเข้าใจ รวมทั้งให้โทรศัพท์ติดต่อกับครอบครัวผู้เสียหาย หากหวั่นว่าจะเกิดความรุนแรง สามารถโทรแจ้งตำรวจได้โดยตรงทันที

...
ต่อมา พ.ต.ท.ประพฤทธิ์ เพชรพลอย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางขุนนนท์ ได้นำตัวนายธุรการไปฝากขังที่ศาลอาญาตลิ่งชัน โดยนายธุรการ มีสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุถูกด่าทอก่อนด้วยคำหยาบคายว่า เป็นหมาวัด ซึ่งเป็นคำพูดที่จี้ใจดำ เนื่องจากเคยอาศัยอยู่ที่วัด ยืนยันว่าไม่ได้เจตนาเล็งยิงให้ถึงชีวิต เนื่องจากไม่ได้ยิงปืนมานานหลายปีแล้ว ทั้งนี้ ตนอยากฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต และอยากนำเงินไปช่วยเหลืองานศพ ส่วนข้อพิพาทเรื่องการแบ่งที่ดินมรดกมีปัญหากันมานาน ขึ้นโรงพักขึ้นศาลกันบ่อยครั้ง แต่คิดไว้ว่าวันที่ 14 ก.พ. 65 ตั้งใจจะไปพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในวันนั้น เผื่อเครือญาติกลับมารักใคร่ปรองดอง แต่กลับมาเกิดเหตุด่าทอกระทบจิตใจ ทำให้บันดาลโทสะก่อเหตุดังกล่าว
นายปองภูมิ ยังบรรเทา อายุ 27 ปี ลูกชายของนายธุรการ เปิดเผยว่า หากย้อนเวลาไปได้ ตนเองจะไม่ขับรถเข้าไปในบ้านพักที่ระหว่างทางกลุ่มญาติกำลังเล่นเปตองกันอยู่ เพราะที่ผ่านมาตนพยายามหลีกเลี่ยงไม่กระทบกระทั่งกัน แต่วันเกิดเหตุตนมีความจำเป็นต้องนำรถเข้าไปจอดในพื้นที่บ้าน เพื่อความปลอดภัยของรถเพราะเป็นรถของลูกค้า จนทำให้เกิดเหตุบานปลาย ยอมรับว่าตนเองได้เป็นคนเริ่มก่อนในการโต้เถียงกับกลุ่มญาติผู้เสียชีวิต จนพ่อที่อยู่ภายในบ้านได้ยินเสียงและทราบเรื่องราว จึงออกมาดูแต่ตนไม่ทราบว่าพ่อจะนำปืนติดตัวมาด้วย กระทั่งมีการโต้เถียงเรื่องที่ดิน และด่าทอด้วยคำหยาบคาย จนพ่อชักปืนออกมายิง ขณะนั้นตนเองทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงนำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายคลิปโดยไม่ได้ห้ามปราม
ลูกชายของนายธุรการ กล่าวด้วยว่า หากตนจะต้องถูกดำเนินคดีก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ยืนยันว่าตนไม่มีการยั่วยุส่งเสริมพ่อในการก่อเหตุแต่อย่างใด สำหรับปมเหตุปัญหาที่ดินของครอบครัวตนเอง ไม่ทราบในรายละเอียด เนื่องจากเกิดขึ้นมานานตั้งแต่สมัยตนเองเป็นเด็กอยู่ ส่วนความรู้สึก ตอนนี้รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากเยียวยาและไปขอขมาศพ หลังจากเกิดเหตุตนและแม่ ไม่กล้ากลับไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวแล้ว.