รอง ผกก.สืบฯ สภ.ร่อนพิบูลย์ พร้อมพวก ดอดมอบตัว หลังตกเป็นผู้ต้องหายิงถล่มดับสองสามีภรรยาที่ จ.ตรัง ค้นบ้านพบปืนเอ็ม 16 ยังให้การปฏิเสธ
จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ต.ค. เจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. สนธิกำลังร่วมกับตำรวจภูธรภาค 9 เข้าจับกุม นายชำนิ ชำนาญกิจ อายุ 45 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ที่บ้านพักในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช หลังตกเป็น 1 ใน 3 ผู้ต้องหา คดีร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนสงครามประกบยิง นายวีระยุทธ ขุนอินทร์ และภรรยา จนเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม บริเวณด้านหน้าสนามกีฬาไก่ชนบ้านควนเมา ม.2 ต.ควนเมา อ.รัษฎา จ.ตรัง เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา ทำให้จนถึงขณะนี้คงเหลือผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุอีก 2 รายที่ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีดังกล่าว เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 28 ต.ค. ที่ กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.วริทธิ์ธร ประสิทธิ์ชัยชาญ รอง ผกก.สส.สภ.ร่อนพิบูลย์ อายุ 48 ปี รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช และนายจิรศักดิ์ กลับขัน อายุ 58 ปี สองผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรังที่ 269 และ 270/2564 ลงวันที่ 27 ต.ค. 2564 ตามลำดับ ข้อหา "สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน" ได้เดินทางมารายงานตัวกับ พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.สส.3บก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา
...
ทั้งนี้ จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองราย เบื้องต้นให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัษฎา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับ พ.ต.ท.วริทธิ์ธร ถือเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคู่ขัดแย้งกับผู้ตาย จากเรื่องส่วนตัวที่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนโดยตรง นอกจากนี้จากการตรวจค้นบ้านพักของ พ.ต.ท.วริทธิ์ธร เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืน M16 พร้อมเครื่องกระสุนปืน ที่อยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหามาทำการตรวจพิสูจน์ทราบว่าใช่ปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ในการก่อเหตุหรือไม่ต่อไป