จนท.พิสูจน์หลักฐานพัทลุงได้เข้าเก็บดีเอ็นเอของพนักงานบริษัทฯ บนเกาะรังนก ขณะที่ชุดสอบสวนจะตรวจถ้ำเก็บข้อมูลละเอียด โดยคดีคืบหน้ากว่า 70% ทราบเบาะแสคนร้ายแล้ว หากมีหลักฐานจะขอหมายจับได้ทันที
จากกรณีที่กลุ่มคนร้ายจำนวนมากเข้าไปขโมยรังนก มีการเผาไฟไล่นก จนทำให้ลูกนกล้มตายไม่น้อยกว่า 1 ล้านตัว ค่าเสียหายมากกว่า 5,000 ล้านบาท หลังจากที่นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุงนำเรื่องนี้เข้าอภิปรายในสภาฯ ตร. ดีเอสไอลงพื้นที่เกาะรังนกไปแล้ว ด้าน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. (สส.) ได้นำชุดสืบสวนเฉพาะกิจของ สนง.ตร.แห่งชาติลงลุยเกาะรังนกเพื่อเก็บหลักฐานภายในถ้ำ และเตรียมเก็บอีเอ็นเอ จนท.รัฐทุกคนที่เฝ้ารังนก รวมทั้ง จนท.บริษัทฯ หากไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ชุดเฉพาะกิจจะไม่เดินทางกลับโดยเด็ดขาด ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
สำหรับความคืบหน้าของคดีดังกล่าวนี้ หลังจากที่เดินทางกลับจากเกาะรังนกทาง พล.ต.อ.สุชาติ ก็ได้เรียกประชุม ตร.ที่เกี่ยวข้อง และมีการมอบหมายหน้าที่ไปปฏิบัติทั้งชุดสืบสวนสอบสวนของสำนักงานแห่งชาติ ตร.กก.ภ.จว.พัทลุง โดยได้ออกปฏิบัติหน้าที่ทั้งในและนอกจังหวัด การขยายผลสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง ชุดเก็บพยานหลักฐานภายในถ้ำที่มีพิสูจน์หลักฐานพัทลุงเป็นผู้รับผิดชอบ โดยในตอนสายวันนี้ (ที่ 21) ทาง จนท.พิสูจน์หลักฐานพัทลุงได้เข้าเก็บดีเอ็นเอของพนักงานบริษัทฯ ทุกคนบนเกาะรังนก ณ บริเวณท่าเทียบเรือของบริษัทในท้องที่ ม.9 ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว แล้ว
ในขณะเดียวกันในตอนสายวันที่ 21 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา ตร.ชุดสืบสวนสอบสวนของ สนง.ตร.แห่งชาติ และ ภ.จว.พัทลุง ก็ได้เข้าตรวจสอบรายละเอียดในการจัดเก็บหลักฐานด้านเคมี ด้านฟิสิกส์ และนิติวิทยาศาสตร์ ภายในถ้ำอีกครั้งหนึ่ง ในส่วนของการคลี่คลายคดีนั้นมีความคืบหน้ามากกว่าร้อยละ 70 โดยสามารถทราบเบาะแสของคนร้ายแล้ว หลังจากเก็บหลักฐานพยานบุคคล ด้านเคมี ฟิสิกส์ และนิติวิทยาศาสตร์ ได้ครบก็สามารถขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน
...
นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง กล่าวว่า หลังจากที่สัญญาการสัมปทานรังนกฯ จะหมดลงในที่วันที่ 14 มิ.ย. 64 นั้น ตนได้นำสื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบสภาพรังนกก็พบว่ารังนกมีหนาแน่นในทุกๆ ถ้ำ แต่หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 64 เป็นต้นไปก็มีการขโมยรังนกกันมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ตนทราบข่าวได้ขออนุญาตนำสื่อมวลชนเข้าไปตรวจถ้ำรังนกอีกครั้ง ก็ไม่ได้รับอนุญาตจากทางจังหวัดฯ ดังนั้น เหตุการณ์รังนกถูกขโมย ทรัพยากรนกฯ ถูกทำลายล้างโดยมูลค่ามหาศาลนั้น จะต้องมีผู้ออกมารับผิดชอบ ในส่วนของ จนท.รัฐบางรายที่สังคมมองว่ามีส่วนร่วมในการสร้างวีรกรรมที่โหดร้ายนั้น ตนคาดว่า จนท.รัฐเหล่านี้น่าจะได้รับไฟเขียวจากผู้รับผิดชอบในการเฝ้ารังนกของหน่วยงานรัฐทั้ง 4 หน่วยงาน
"หากการออกมาเรียกร้องหาผู้รับผิดชอบในกรณีดังกล่าวของนายเกลื่อม พูลสง ประธานกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง และประชาชนชาวพัทลุง ในตอนเย็นวันที่ 21 ก.ย. 64 ไม่ได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ตนก็จะนำข้อมูลและหลักฐานเด็ดๆ มาแฉให้สาธารณชนได้รับทราบตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 64 เป็นต้นไป และหากนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง และคณะกรรมการรังนกฯ ทุกคน เห็นว่าได้ปฏิบัติหน้าที่การสัมปทานรังนกด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ และยุติธรรม รวมทั้งไม่มีส่วนร่วม หรือรู้เห็นในการขโมยรังนกในครั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ คณะกรรมการรังนกฯ และ จนท.รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเฝ้ารังนก ได้นำ จนท.รัฐทั้ง 4 ฝ่าย มาสาบานความบริสุทธิ์ใจหน้าพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ ที่ชาวพัทลุงให้ความนับถือ ทั้งนี้ เพื่อให้ชาวพัทลุงได้หายสงสัยในการขโมยรังนกของ จนท.รัฐในครั้งนี้" นายก อบจ.พัทลุง กล่าว
อย่างไรก็ตามในเวลาประมาณ 11.30 น. วันเดียวกันที่ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง นายเกลื่อม พูลสง ประธานกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนพัทลุง พร้อมด้วยนายบุญพา เกื้อทอง อดีต สจ.พัทลุง และอดีตผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการรังนกฯ ในชุดที่ผ่านมา พร้อมพวก ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. (สส.) ที่มาตั้งศูนย์ปฏิบัติการไล่ล่ากลุ่มคนร้ายขโมยรังนก ณ กก.ภ.จว.พัทลุง ผ่านไปยัง ผบ.ตร. ทั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้ ผบ.ตร. ได้สอบสวนว่ามี ตร.เข้าไปมีส่วนร่วมในการขโมยรังนกอีแอ่นหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนร่วมก็ให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาโดยเฉียบขาด รวมทั้งเร่งดำเนินคดีหาตัวผู้กระทำความผิดในการขโมยรังนกฯ การทำลายล้างประชากรนก มาลงโทษโดยเร็ว แต่เนื่องจาก พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. (สส.) ติดการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ หรือ ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และรายงานสถานการณ์รังนกให้ ผบ.ตร.ได้รับทราบ ณ ห้องประชุมเล็ก ภ.จว.พัทลุง จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าวแทน
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ปัญหาการขโมยรังนก และการทำลายล้างประชากรรังนกบนเกาะรังนกในพื้นที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตำรวจนั้น ในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีคำสั่งของตำรวจภูธรภาค 9 ให้ตำรวจบางนาย ไปปฏิบัติหน้าที่ ณ ตำรวจภาค 9 จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อออกจากพื้นที่เปิดทางให้การสืบสวนสอบสวน และการคลี่คลายในคดีดังกล่าวสะดวกคล่องตัวและเป็นการสร้างความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.