รองโฆษก ตร.เตือน การเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware ภัยไซเบอร์ใกล้ตัวกว่าที่คิด แนะอย่ากดลิงก์หรือโหลดไฟล์จากคนไม่รู้จัก แนะนำหมั่นอัปเดตซอฟต์แวร์ ยันตำรวจมีการปราบปรามจับกุมอย่างจริงจัง
เมื่อวันที่ 14 ก.ค.64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware ว่า ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับโลกอย่างมากมาย แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ทำให้เกิดอาชญากรรมรูปแบบใหม่ขึ้นมา และหนึ่งในอาชญากรรมที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกนั่นคือ การเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
"ตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อต้นเดือน ก.ค.64 ข้อมูลจากสื่อต่างประเทศได้ระบุว่า บริษัทไอทีหลายร้อยแห่งในสหรัฐอเมริกา ถูกกลุ่มแฮกเกอร์จากรัสเซียเข้าโจมตีและมีการเรียกค่าไถ่ข้อมูลกว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่หลายคนต้องทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ และสื่อออนไลน์ รวมถึงบริษัทต่างๆ ต้องมีการป้องกันและพร้อมรับมือกับอาชญากรรมรูปแบบดังกล่าว ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย" รองโฆษก ตร.กล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบของการเรียกค่าไถ่ข้อมูล หรือ Ransomware จะแฝงตัวมาในรูปแบบของอีเมลที่แนบลิงก์มาด้วย หรือลิงก์ที่แอบแฝงอยู่ในโฆษณาบนเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อเหยื่อกดเข้าไปที่ลิงก์ดังกล่าว ก็จะเป็นการรับเอามัลแวร์เข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ตัว จากนั้นมัลแวร์ก็จะแพร่กระจายไปยังข้อมูลต่างๆ เมื่อมัลแวร์ได้แพร่กระจายไปครอบคลุมข้อมูลที่บรรดาแฮกเกอร์ต้องการแล้ว ก็จะล็อกข้อมูลดังกล่าว ไม่ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลได้ และจะปรากฏข้อความขึ้นมาแจ้งว่า ข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกล็อกไว้ หากต้องการปลดล็อกจะต้องจ่ายเงิน ไม่เช่นนั้นจะลบข้อมูล แต่ในช่วงหลังเริ่มมีการข่มขู่ว่า จะปล่อยข้อมูลสู่สาธารณะหรือนำไปประมูลขาย เป็นต้น
...
รองโฆษก กล่าวอีกว่า ผู้ที่กระทำลักษณะดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มีนโยบายให้ทุกหน่วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้เป็นหน่วยงานหลัก ในการเฝ้าระวัง สืบสวน ปราบปรามผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญกรรมทางเทคโนโลยีอย่างจริงจังต่อเนื่องและเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ และเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหาย, ตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนถึงแนวทางการป้องกันการถูกเรียกค่าไถ่ข้อมูลหรือ Ransomware โดยต้องสำรองข้อมูลที่สำคัญอยู่เสมอและเลือกใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพ หมั่นตรวจสอบและอัปเดตซอฟต์แวร์ รวมถึงอัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันต่างๆ ด้วย และควรหลีกเลี่ยงการกดลิงก์หรือไฟล์ที่แนบมากับอีเมลที่ไม่รู้จัก หรือลิงก์น่าที่สงสัยต่างๆ นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.