รองโฆษก ตร. เปิดเผยความคืบหน้าคดีไฟไหม้ หมิงตี้ เคมีคอล สอบปากคำชาวบ้านผู้ที่ได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 500 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 250 ล้านบาท

จากเหตุไฟไหม้ที่บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด เลขที่ 87 ซอยกิ่งแก้ว 21 หมู่ 15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ถังสารเคมีไวไฟ “เพนเทน” เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นเมื่อเวลา 03.20 น. วันที่ 5 ก.ค. ส่งผลทำให้บ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงเสียหายกว่า 100 หลัง มีผู้บาดเจ็บหลายสิบคน และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือพอส อายุ 18 ปี เจ้าหน้าที่อาสาบรรเทาสาธารณภัย รหัสธน 28-78 เจ้าหน้าที่ต่างระดมกำลังดับเพลิงทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศจนเพลิงสงบ ล่าสุดนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ อนุญาตให้ประชาชนที่ต้องอพยพ กลับเข้าพื้นที่ได้ตามปกติ ยกเว้นเฉพาะพื้นที่ในรัศมี 1 กิโลเมตร รอบจุดเกิดเหตุ นั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการให้ความช่วยเหลือและดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงได้สั่งการไปยัง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และทุกหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมสนับสนุนภารกิจพร้อมประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติอื่นๆ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งการเคลื่อนย้ายประชาชนจากศูนย์พักพิงกลับสู่บ้าน ชุมชน อย่างปลอดภัย รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และให้มีมาตรการจัดกำลังสายตรวจให้ออกตรวจและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันเหตุที่มิจฉาชีพอาจจะอาศัยช่องว่างในช่วงที่พี่น้องประชาชนต้องอพยพออกนอกบ้าน มาก่อเหตุซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้

รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางศูนย์รับแจ้งความเสียหาย ณ สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จ.สมุทรปราการ ได้ทำการสอบปากคำผู้ที่ได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 500 ราย รวมมูลค่าความเสียหายที่ได้รับแจ้งจากผู้ได้รับผลกระทบเบื้องต้นประมาณ 250 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ก.ค. 64) โดย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด ให้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ รถยนต์สายตรวจ รถจักรยานยนต์สายตรวจ พร้อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสนับสนุนภารกิจการป้องกันเหตุร้ายและไม่ให้กลุ่มเหล่ามิจฉาชีพฉวยโอกาสก่อเหตุซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน บริเวณพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้และบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งศูนย์พักพิงและบริเวณพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ สนับสนุนภารกิจการเคลื่อนย้ายประชาชนส่งกลับบ้าน ชุมชน ในส่วนที่กลับสู่สภาวะปกติแล้ว พร้อมให้ความช่วยเหลือ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตามมาตราการทางสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย

...

และขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว เข้าแจ้งความที่ศูนย์รับแจ้งความเสียหาย ณ สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จ.สมุทรปราการ หมายเลขโทรศัพท์ 02-740-3211.