รองโฆษก ตร.เตือนกลุ่มอารยะขัดขืน ที่โพสต์ชักชวนผู้ประกอบการร้านค้า เปิดร้านใน 10 จว.โซนแดงเข้ม ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เสี่ยงโควิดระบาด ย้ำ จนท.บังคับใช้ ก.ม.เอาผิดผู้ปลุกปั่น วอนใช้วิจารณญาณ
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีการประกาศบนสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะชักชวนให้ประชาชน และร้านค้าออกมาร่วมกันเปิดร้านซึ่งเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ว่า จากกรณีมีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ได้ประกาศชักชวนให้พี่น้องประชาชนออกมาเปิดร้านค้า ร้านอาหาร ทำกิจกรรมซึ่งเป็นการรวมตัวเกินกว่า 20 คน หรือกระทำการอื่นใด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และประกาศหรือคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ 10 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า หลังจากที่มีการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงไป ทำให้มีพี่น้องประชาชนเข้าไปแสดงความเห็นและสนใจในเรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนมากนั้น ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงขอตักเตือนไปยังผู้ที่ประกาศชักชวนและผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมว่าหากมีการฝ่าฝืนกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย กับผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างจริงจังและเข้มงวดต่อไป
"การกระทำลักษณะดังกล่าว ในส่วนของผู้ที่ประกาศชักชวนนั้น เข้าข่ายความผิดฐานทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ความผิดฐานนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(3) ความผิดฐานโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด มีโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ในส่วนผู้ที่ออกมาร่วมกิจกรรม เข้าข่ายความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง" พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว
...
รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยในกรณีดังกล่าว การออกมาทำกิจกรรมหรือการชุมนุมในห้วงนี้เป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคสูง ซึ่งในข้อกำหนดฯ ได้ประกาศให้พื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่อื่นๆ อีก 9 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ประกาศหรือคำสั่ง และมาตรการป้องกันโรคที่รัฐบาลกำหนดโดยเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในบ้านเมืองต่อไป
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวด้วยว่า การชักชวน ปลุกปั่น ให้กระทำผิดในลักษณะอารยะขัดขืน ฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคและวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน และขอให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ใช้วิจารณญาณในการเลือกรับฟังข้อมูลข่าวสาร หลีกเลี่ยงการถูกชักชวนให้กระทำความผิด นอกจากนี้หากพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.