ตำรวจสายไหม บุกทลายวัยรุ่นจับกลุ่มปาร์ตี้ยาคารีสอร์ต 56 sleep room เย้ยสถานการณ์โควิด-19 รวบได้ 23 คน พบเสพยา 17 ราย อีก 6 ดื่มเหล้า จึงนำตัวทั้งหมดไปคัดกรองโรค
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.64 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จเรตำรวจ (สบ 8) ปฏิบัติราชการ บช.น. เปิดเผยผลการปฏิบัติที่สำคัญ ของ สน.สายไหม เมื่อเวลา 03.00 น. ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติด เกรงว่าจะเกิดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค ภายในรีสอร์ต 56 sleep room ถนนสายไหม 56 แขวงและเขตสายไหม กรุงเทพฯ
สายตรวจ สน.สายไหม จึงนำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบกลุ่มวัยรุ่นกำลังมั่วสุมเสพยาเสพติด ในห้อง vip3 ในรีสอร์ตดังกล่าว จึงได้จับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดทั้งหมด 23 ราย เป็นเยาวชน 2 ราย ก่อนควบคุมตัวมาที่ สน.สายไหม
ต่อมาได้ตรวจสารเสพติดกับชุดตรวจเบื้องต้น พบ 17 คน เสพยาเสพติดประเภท 2 (เคตามีน) ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวผู้ที่ผลตรวจเป็นบวกส่งตรวจพิสูจน์อีกครั้ง ส่วนอีก 6 คน แจ้งว่ามาดื่มเหล้าเท่านั้น
เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค, เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 โดยผิดกฎหมาย (เฉพาะผู้ที่ตรวจพบสารเสพติด จำนวน 17 คน) นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และประสานไปยัง กทม. เพื่อขอตรวจเชื้อโควิด-19 ให้กับผู้ต้องหาทั้ง 23 คน เพื่อจะได้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคต่อไป
การจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ที่ได้กำชับให้ทุกหน่วย ออกตรวจตราป้องกัน ปราบปรามการรวมกลุ่มมั่วสุม ทำกิจกรรม ที่อาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
...
ด้าน พ.ต.อ.อำนาจ กาหลง ผกก.สน.สายไหม เปิดเผยว่า เนื่องจากในการสอบสวนปากคำมีผู้ที่จับกุมส่วนหนึ่ง อ้างว่าไม่ได้ร่วมเสพยาเสพติด เพียงไปร่วมดื่มสุราสังสรรค์กับเพื่อนเพียงอย่างเดียว ประกอบกับว่า วันนี้โรงพยาบาลหลายแห่งในพื้นที่รอบเขตสายไหม ที่สามารถตรวจรับรองผลการตรวจยืนยันสารเสพติดในร่างกายได้นั้น ไม่เปิดทำการ จึงจะให้พนักงานสอบสวน คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่งไปโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการตรวจหาสารเสพติดและตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ไปในคราวเดียวกัน
จากนั้นจึงจะนำตัวทั้งหมดมาพิจารณาดำเนินคดีใน 2 ข้อหา แยกตามพฤติการณ์ความผิด หากพบว่ารายใดไม่มีสารเสพติดในร่างกาย ก็จะถูกดำเนินคดีเพียงข้อหาร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่หากพบว่ามีรายใดที่ผลการตรวจซ้ำยืนยันว่าเสพยาด้วย ก็จะถูกดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีกข้อหา ส่วนรีสอร์ตดังกล่าวแม้ผลการสอบสวนจะยังไม่พบความผิด แต่ก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาว่า มีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย ด้วยหรือไม่ หากเข้าข่ายความผิดก็ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป