ตำรวจสหรัฐฯ สอบสวนพบประเด็นเชฟไทยยิงอดีตคู่รักตายในรถ ก่อนอุ้มศพขึ้นไปห้องพักของหนุ่มอเมริกันแฟนใหม่ของฝ่ายหญิง ยิงฝ่ายชาย และยิงตัวตายตาม 3 ศพ จบชีวิตรักสามเส้า ครอบครัวมอบอำนาจให้สถานทูตไทยช่วยเผา ส่งอัฐิกลับไทย
จากกรณี นายอาวุธ วิจิตรกุล หรือ วู๊ดดี้ อายุ 59 ปี เชฟและผู้จัดการร้านอาหารย่านแชมบลี เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ปืนยิง น.ส.ปภัสรา ทองทัศนีย์ อายุ 36 ปี อดีตแฟนสาว ที่เพิ่งบอกเลิกกันได้ 2 สัปดาห์ และแฟนใหม่ชาวอเมริกันของฝ่ายหญิง ก่อนยิงตัวเองตายตามรวม 3 ศพ ในห้องพักที่อพาร์ตเมนต์ของแฟนใหม่ฝ่ายหญิง ย่านแซนดี้ สปริงส์ เมืองแอตแลนตา เมื่อเย็นวันที่ 7 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำเมืองแอตแลนตา รายงานความคืบหน้ามาเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีแซนดี้ สปริงส์ ตรวจสอบและสอบสวนพยานแวดล้อมต่างๆ ทราบว่า นายอาวุธได้พูดคุยกับ น.ส.ปภัสรา ในรถและคาดว่าคงตกลงกันไม่ได้ นายอาวุธ จึงใช้ปืนยิง น.ส.ปภัสรา เสียชีวิตในรถ ซึ่งจอดอยู่บริเวณลานจอดรถของอพารต์เมนต์ซึ่งแฟนใหม่ชาวอเมริกันของ น.ส.ปภัสรา พักอยู่ จากนั้นอุ้มศพ น.ส.ปภัสรา ขึ้นไปที่ห้องแฟนหนุ่มอเมริกัน ก่อนจะยิงแฟนหนุ่มอเมริกันเสียชีวิต จากนั้นยิงตัวเองตายตาม กระท่ังเพื่อนร่วมห้องแฟนหนุ่มชาวอเมริกันของ น.ส.ปภัสรา กลับจากทำงานและพบเข้าจึงได้แจ้งตำรวจ
ขณะที่ เพื่อนสนิทของ นายอาวุธ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุนายอาวุธ บอกว่าจะนัด น.ส.ปภัสรา มาปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง เนื่องจากยังตัดใจไม่ได้ จึงขอให้เพื่อนสนิทช่วยเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้ด้วย จึงคาดว่าการที่นายอาวุธ ยิง น.ส.ปภัสรา ตายในรถ คงตกลงกันไม่ได้ ทำให้นายอาวุธเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ตัดสินใจก่อเหตุสลดดังกล่าว ซึ่งสร้างความตกใจแก่เพื่อนๆ เป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาทุกคนก็คอยปลอบและให้กำลังใจนายอาวุธ
...
ส่วนการจัดการศพของ นายอาวุธ และ น.ส.ปภัสรา นั้นทางพี่สาวของนายอาวุธ และพี่สาวของ น.ส.ปภัสรา ที่ประเทศไทย ได้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (11 พ.ค.) พร้อมทั้งทำเรื่องมอบอำนาจให้กองคุ้มครองฯ เป็นตัวแทนจัดการเรื่องศพให้ โดยให้ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ดำเนินการฌาปนกิจศพให้ท่ีสหรัฐอเมริกา และนำอัฐิกลับมายังประเทศไทย โดยนายนฤชัย นินนาท ผอ.กองคุ้มครองฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้โดยเร็วที่สุด.