ตำรวจภูธรภาค 2 แถลงตามยึดรถยนต์ MG ทั้ง 16 คันที่ถูกหนุ่มชุมพรหลอกซื้อ 18 คัน โดยจ่ายเช็คเงินสดแล้วเด้ง ไม่ทันส่งมอบ 2 คัน และตามยึดได้จากตำแหน่งจีพีเอสจนครบ กำลังติดตามตัวมาดำเนินคดี

จากกรณีที่ นายองอาจ ทรัพย์มั่น อายุ 24 ปี ชาวบ้าน ต.รับรอ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้หลอกซื้อรถ ยี่ห้อ MG จากบริษัทแห่งหนึ่ง ในราคาเงินสด จำนวน 16 คัน จากพนักงานฝ่ายขาย โดย นายองอาจ ทรัพย์มั่น จ่ายเป็นเช็คเงินสดให้ทั้งหมด ต่อมาทางบริษัทได้ตรวจสอบพบว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่ทำปลอมขึ้นมา ในแต่ละใบมีมูลค่าเพียง 1 บาท เท่านั้น ทางบริษัทจึงได้แจ้งความดำเนินคดี พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เนื่องจากรถ MG ทุกคัน จะมีการติดตั้งระบบจีพีเอส และจากการตรวจสอบจากตำแหน่งจีพีเอส ทราบว่า รถกระบะ 4 ประตู สีบรอนซ์เทา ทะเบียนป้ายแดง ถ 1900 กรุงเทพฯ จอดอยู่ หมู่ที่ 9 บ้านทุ่งไม้ค้าง ต.โนนห้อม อ.เมืองปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่สามารถติดตามพบรถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ที่บ้าน นางบัณญัติ ทรัพย์มั่น 

มีนายยืนยงค์ ทรัพย์มั่น ชาวบ้าน หมู่ที่ 21 ต.รับรอ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร แสดงตนเป็นเจ้าของรถ จากการสอบสวนในเบื้องต้น นายยืนยงค์ และนางนิตยา ทรัพย์มั่น ภรรยา ได้รับการติดต่อจาก นายองอาจ ทรัพย์มั่น (ลูกชาย) ว่า ได้ซื้อกระบะเงินสดให้กับ บิดา-มารดา ให้มารับรถที่บ้านพักลูกชายในจังหวัดชลบุรี เมื่อรับรถแล้วขับรถไปหา นางบัณญัติ ทรัพย์มั่น ที่บ้านพัก ในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อให้ญาติดูและมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ จากการตรวจค้นพบพืชกระท่อมอยู่ในฝาประตูรถคันดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนายยืนยง พร้อมรถไปสอบสวน ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีข้อหา ครอบครองพืชกระท่อม ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

...

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 2 เม.ย.64 ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.ภ.2, พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ (ปรก.) รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี 

กรณีมี นายองอาจ ทรัพย์มั่น อายุ 24 ปี ได้ติดต่อขอซื้อรถยนต์ยี่ห้อ MG จากพนักงานขายของบริษัท รวม 18 คัน โดยพฤติการณ์ของการก่อเหตุพบว่า ในการซื้อขายของนายองอาจมี น.ส.ณัฐฐนันท์ อิทธิพร อายุ 43 ปี แฟนสาว เป็นผู้ส่งสลิปการโอนเงินค่าซื้อรถยนต์จำนวนดังกล่าวให้กับทางบริษัท เป็นจำนวนเงินประมาณ 16 ล้าน 2 แสนบาท และทางบริษัทได้ทยอยส่งมอบรถยนต์ให้กับ นายองอาจ ไปแล้ว จำนวน 16 คัน เหลืออีก 2 คัน แต่ต่อมาทางบริษัทได้ทำการตรวจสอบยอดเงินที่โอนเข้าบัญชีของบริษัท พบว่ามียอดเงินโอนเข้ามาจริงเพียงคันละ 1 บาท ไม่ตรงตามสลิปที่ น.ส.ณัฐฐนันท์ ส่งหลักฐานมาให้ทางบริษัทดู

ทางบริษัทรถยนต์จึงเชื่อว่าได้ถูกทั้ง 2 คนร่วมกันหลอกลวง โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใบรายการฝากเงินและนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ส่งให้ทางบริษัทเชื่อว่าได้เงินเต็มจำนวนจริง และได้ทยอยส่งมอบรถ ซึ่งแจ้งที่อยู่ไว้ในเขต จังหวัดชลบุรี ตำรวจภูธรภาค 2 จึงได้ติดตามตามแหล่งที่คาดว่าจะนำส่งให้กลุ่มเพื่อนสนิท และเครือข่าย ห้วงตลอดกลางคืนวันที่ 31 มี.ค. ถึงวันที่ 1 เม.ย.64 จนสามารถติดตามรถยนต์ทั้ง 16 คัน จากเครือข่ายของนายองอาจ และ น.ส.ณัฐฐนันท์

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามยึดรถยนต์ทั้งหมดได้ในเขตพื้นที่ กทม.จำนวน 5 คัน, พื้นที่จังหวัดสระแก้ว อำเภอตาพระยาใกล้ที่ออกแนวชายแดน จำนวน 1 คัน จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 1 คัน ในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรีสามารถตรวจยึดได้ที่เขต สถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน จำนวน 2 คัน, สถานีตำรวจภูธรอำเภอบางละมุง จำนวน 3 คัน และ สถานีตำรวจภูธรอำเภอสัตหีบ จำนวน 4 คัน รวมได้รถยนต์คืนทั้งหมด จำนวน 16 คัน แต่ในขณะนี้ยังไม่พบตัวนายองอาจ และ น.ส.ณัฐฐนันท์ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย

จากการตรวจสอบประวัติ ยังพบว่า นายองอาจและ น.ส.ณัฐฐนันท์ มีหมายจับของศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.100/2564 และ จ.101/2564 ข้อหา "ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอมนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโดยทุจริต หรือฉ้อโกงทรัพย์" ซึ่งมีพฤติกรรมเช่นเดียวกับในคดีนี้ในการหลอกซื้อคอนโดมิเนียมและแต่งสลิปเงินจำนวน 1 บาท ในแต่ละครั้ง ให้รวมเป็นยอดเงินจำนวน 14 ล้านบาท ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างติดตามตัวนายองอาจ และนางสาวณัฐฐนันท์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

...

ส่วนทาง บริษัท MG ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.เพชรเกษม แล้ว ในข้อหา "ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอมนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโดยทุจริตหรือฉ้อโกงทรัพย์".