• ชื่อของ "บิ๊กโจ๊ก" กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง หลังจากที่เผชิญมรสุมรุมเร้าสารพัด
  • รอยร้าวสะเทือน "กรมปทุมวัน"
  • ลุ้นนั่งเก้าอี้ใหม่ "ผู้ช่วย ผบ.ตร."


หากเอ่ยถึงชื่อ "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" หรือ สุรเชษฐ์ หักพาล ในวงการสีกากีคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จัก "บิ๊กโจ๊ก" ผู้นี้ แน่ล่ะ เพราะเขาคือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรืออดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) มาวันนี้ ชื่อของเขากลับมาปรากฏอีกครั้ง หลังจากที่เผชิญมรสุมรุมเร้าสารพัด

เคยมีคนกล่าวไว้ว่า หากจะมองเส้นทางในอนาคตของใครคนใดคนหนึ่ง ขอให้ลองย้อนนึกไปมองอดีตของผู้นั้นสักนิดว่า มีที่มาและความเป็นมาอย่างไร บนเส้นทางต่างๆที่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวย่างก้าวมาสู่ ณ ปัจจุบัน ก็พอจะมองเห็นเค้าลางแห่งอนาคตได้ไม่ยาก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ โจ๊ก เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2513 ที่ จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของดาบตำรวจ ไสว หักพาล และนางสุมิตรา หักพาล สมรสกับ ดร.ศิรินัดดา (สกุลเดิม พานิชพงษ์)

ก่อนเจอมรสุมลูกใหญ่
ก่อนเจอมรสุมลูกใหญ่

...

การศึกษา จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 (ตท.31) และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 (นรต.47) เริ่มรับราชการตั้งแต่ปี 2537 ติดยศ พ.ต.อ.ครั้งแรกเป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เติบโตเป็น พล.ต.ต. ขณะอายุไม่ถึง 45 ปี ในตำแหน่ง ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่นายตำรวจประสานงานใกล้ชิด "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้มากบารมีในกองทัพ และเป็นรุ่นพี่ที่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความเคารพนับถือ กระทั่ง "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" ขยับขึ้นเป็น ผบช.สตม. กลายเป็นดาวจรัสแสง โดดเด่นที่สุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

"ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ชื่อนี้ไม่ธรรมดา

แต่แล้ว เส้นทางบนถนนสีกากีต้องสะดุดลง เมื่อ "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.(ขณะนั้น) สะบัดปากกาเซ็นคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 232/2562 ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2562 โดยขาดจากปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม

อดีตเบอร์หนึ่งปทุมวัน อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด 5 ปี
อดีตเบอร์หนึ่งปทุมวัน อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด 5 ปี

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุถูกย้ายฟ้าผ่า เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนความผิดใดๆ ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล" ซึ่งนำเสนอความเคลื่อนไหวการทำงานในแต่ละวัน มีผู้ติดตามจำนวนมาก ก็ปลิว ปิดตัวลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ

สั่งถอดเครื่องแบบ-ให้เป็นข้าราชการพลเรือน

กระทั่งวันที่ 9 เม.ย.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งให้ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง)

จากนั้น "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" เก็บตัวเงียบมาตลอด จนเป็นข่าวครึกโครมเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ม.ค.2563 มือปืน 2 คน บุกยิงถล่มรถยนต์ส่วนตัว เลกซัส อาร์เอ็กซ์ 270 สีขาว ทะเบียน 9 กจ 351 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่หน้าร้านนวดเจ้าประจำ แถวบางรัก จนเหตุการณ์บานปลายกลายเป็นความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" เข้าให้การต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เชื่อว่า สาเหตุมาจากการร้องเรียนโครงการไบโอแมทริกซ์และรถไฟฟ้าอัจฉริยะของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ต่อ ป.ป.ช.

...

กระเทือนถึง "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่อยู่ระหว่างลาราชการเดินทางไปต่างประเทศ หลังจากนั้นมีคลิปเสียงการพูดคุยระหว่างบิ๊กแป๊ะ กับ "บิ๊กต้อย" พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. และ รรท.ผบ.ตร. (ขณะนั้น) ทำนองเตือน พล.ต.อ.วิระชัย อย่าตีปี๊บเปิดแถลงข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นรายวัน สร้างความตึงเครียดและอึมครึมให้กับวงการสีกากี ถึงขนาดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับส่ายศีรษะ พร้อมถอนหายใจ "เป็นปัญหาที่เขาจัดการกันเองได้"

24 ม.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 1/2563 ให้ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" ขาดจากการเป็นข้าราชการตำรวจ และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือน เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ในสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งออกคำสั่ง ให้รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ ไม่ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ข้ามหัวผู้บังคับบัญชาเหนือตน ถ้าฝ่าฝืนเจอโทษทางวินัย

โจ๊ก ลาบวช
โจ๊ก ลาบวช

...

หันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

28 ม.ค. 2563 "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" ได้ลาบวช เพื่อทดแทนบุญคุณบิดามารดา ที่วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย ได้รับฉายา สุรเชฏฺฐโพธิ แปลว่า "ผู้มีปัญญาเครื่องตรัสรู้ซึ่งเจริญที่สุดด้วยความกล้าหาญ" โดยมีภาพการอุปสมบทแชร์ว่อนโลกออนไลน์ ก่อนที่จะกลับมารับตำแหน่งที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยรับผิดชอบข้อเสนอแนะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการร้องทุกข์จากประชาชน

22 ก.ย. 2563 "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" โยนไพ่ใบสุดท้าย มอบหมายให้ นายสิทธิ งามลำยวง ทนายความส่วนตัว ยื่นฟ้อง "พล.อ.ประยุทธ์" ต่อศาลปกครอง กรณีถูกโอนย้ายจากตำรวจมาเป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ เวลาผ่านมาเกือบปีครึ่ง ยังไม่มีการสอบสวนเอาผิดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เสียโอกาสทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ถือเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่ "บิ๊กตู่" ยืนยันให้เป็นเรื่องของกฎหมาย ตรวจสอบแล้วถึงดำเนินการ

แต่ 2 วันถัดมา ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ

"ศัตรูที่คิดร้าย ขอให้แพ้ภัยไปในที่สุด และให้ข้าพเจ้ากลับมาเป็นข้าราชการตำรวจที่ยิ่งใหญ่ต่อไป โดยเร็วด้วยเทอญ…สาธุ"

...

จนกระทั่งวันที่ 9 มี.ค.2564 ชื่อของ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" กลับมาปรากฏเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง หลัง "พล.อ.ประยุทธ์" นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เซ็นคำสั่งโอนย้ายกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เรื่องนี้ "บิ๊กตู่" จะให้เหตุผลว่า เป็นไปตามมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบ เมื่อสอบแล้วยังไม่ได้ข้อยุติ ก็ส่งกลับไปสอบต่อที่ ตร.ก็ตาม

แต่ทว่า ความหมายเป็นที่เข้าใจกันได้....

ลุ้น
ลุ้น "บิ๊กโจ๊ก คัมแบ็ก"

บัดนี้ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" กำลังจะคัมแบ็กกลับเข้ารับราชการตามเดิม ท่ามกลางตำรวจน้อย-ใหญ่ ต่างจับตาการประชุม ก.ตร. วันศุกร์ที่ 12 มีนาคมนี้ ที่ขอเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) เทียบเท่าตำแหน่ง "ผู้ช่วย ผบ.ตร." 1 เก้าอี้ จากเดิมที่ขอเปิดเพียงตำแหน่ง ผบช. และ ผบก. อย่างละ 4 ตำแหน่ง ซึ่งต้องรอดูว่า "แมวเก้าชีวิต" อย่าง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ผู้นี้ จะฟื้นคืนมาได้หรือไม่ ต้องติดตาม...

เรียบเรียง : gravity_ki
กราฟิก : Sathit Chuephanngam