"สมศักดิ์" แจงปล่อยตัว "สรยุทธ" คือได้พักโทษต้องสวมกำไล EM พร้อมรายงานตัวกรมคุมประพฤติจนกว่าจะพ้นโทษ ชี้ที่ผ่านมาปฏิบัติตัวดีช่วยงานด้านความมั่นคง-ประชาสัมพันธ์ในเรือนจำทำนักโทษไม่แตกตื่นโควิด ย้ำคดีร้ายแรงไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 ก.พ.2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง เตรียมได้รับการพิจารณาพักโทษโดยเหตุพิเศษ และจะได้รับการปล่อยตัวว่า แม้ว่านายสรยุทธจะได้รับการปล่อยตัว แต่ยังไม่ใช่การพ้นโทษ เป็นการพักโทษจากเหตุพิเศษ ซึ่งเมื่อออกจากเรือนจำต้องสวมกำไล EM เป็นระยะเวลา 2 ปี 4 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 2564 - 26 ก.ค. 2566 และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนดจนกว่าจะพ้นโทษคือ วันที่ 26 ก.ค.2566 โดยที่ผ่านมา นายสรยุทธ ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง เหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือนจากโทษเดิม 6 ปี 24 เดือน ทำให้เข้าข่ายในการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาพักโทษ ซึ่งได้พิจารณาผู้ต้องขังเข้าเกณฑ์การพักการลงโทษเหตุพิเศษ การประพฤติตัวของนายสรยุทธอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีการช่วยงานของกรมราชทัณฑ์หลายอย่าง เช่น การช่วยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ให้กับผู้ต้องขัง ซึ่งหลังจากที่ผู้บริหารมีความกังวลใจว่าจะประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคอย่างไร ก็ได้เล็งเห็นความสามารถของนายสรยุทธ จึงได้ให้มาช่วยงานในส่วนนี้ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ผู้ต้องขังไม่ตื่นกลัว หลังจากมีการแหกคุกโดยอ้างว่ากลัวโควิด ซึ่งการช่วยประชาสัมพันธ์ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษนั้น หากคดีปล้นฆ่า ข่มขืน ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ หรือคดีร้ายแรงตามที่เราจัดชั้นนักโทษไว้ จะไม่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ แต่ผู้ต้องขังคดีไม่ร้ายแรงและมีความประพฤติดีเท่านั้นที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งการพักโทษของนายสรยุทธ เราไม่ได้ห้ามทำมาหากิน เพราะเรามีแนวคิดคืนคนดีสู่สังคม และอาจจะให้มาช่วยโปรโมต ทำให้นายจ้างยอมรับคนพักโทษและพ้นโทษได้มากขึ้น แต่หากนายสรยุทธมีการทำผิดในระหว่างนี้จะส่งถูกส่งตัวกลับเข้าเรือนจำ และถูกคุมขังจนกว่าจะพ้นโทษ
...
ทั้งนี้ ขณะนี้เรือนจำทั่วประเทศมีผู้ต้องขังประมาณ 320,000 คน และในกลางเดือนนี้จะมีผู้ต้องขังได้รับการพักโทษจากเหตุพิเศษติดกำไล EM อีกประมาณ 10,000 คน ซึ่งจะช่วยลดความแออัดในเรือนจำได้เป็นอย่างมาก ตามนโยบายที่เราได้วางเอาไว้