ตำรวจเตรียมนำตัวมาสอบ เจ้าของปอร์เช่ป้ายแดง ที่พาพวกมายิงถล่มคู่อริในซอยย่านพุทธมณฑลสาย 2 โดนยิงสวนบาดเจ็บ นำส่งรพ.โดยทิ้งรถหรูไว้ ล่าสุดพบเป็นรถเช่า สาเหตุจากการเปิดโปงธุรกิจในมุมมืด ขายแมสก์
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 1 ส.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีที่สื่อนำเสนอข่าว “กลุ่มชายฉกรรจ์ 11 คน ขับรถหรู บุกยิงถล่มคู่อริถึงบ้าน เจอสวนเจ็บ 1 ราย” ว่า ได้รับรายงานจาก สน.หลักสอง ว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค. เวลาประมาณ 23.30 น. ได้รับแจ้งมีการประทุษร้ายโดยใช้อาวุธปืน จำนวนหลายคน บริเวณ ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ซอย 11 ซอยข้างร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ จึงเดินทางไปตรวจสอบ
เบื้องต้น พบผู้เสียหายเป็นชายอายุ 44 ปี เจ้าของบ้าน ที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายจำนวนประมาณ 7 คน รถ 3 คัน เข้ามาก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิง เข้าไปภายในซอย ซึ่งผู้เสียหายได้ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงป้องกันตัวไป และกลุ่มคู่กรณีได้หลบหนีไป ได้ทิ้งรถยนต์ของกลางไว้จำนวน 1 คัน ยี่ห้อปอร์เช่ สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ล-7195 กรุงเทพฯ (ป้ายแดง)
...
จากการสืบสวน ทราบว่า หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ถูกอาวุธปืนยิงที่บริเวณแขนข้างซ้าย ซึ่งได้ไปรักษาตัวโรงพยาบาลบางปะกอก 8 และจากการสอบสวน ทราบว่า หนึ่งในผู้ก่อเหตุมีสาเหตุโกรธเคืองทะเลาะกับผู้เสียหายมาก่อนจึงได้พาพวกมาก่อเหตุดังกล่าว
พนักงานสอบสวนได้บันทึกตรวจสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพที่เกิดเหตุประกอบคดี ตรวจยึดรถยนต์ของกลาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจที่เกิดเหตุเก็บวัตถุพยานต่างๆ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เร่งพิสูจน์ทราบผู้กลุ่มผู้ก่อเหตุ และสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า โดยจากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า เกิดจากปมความขัดแย้งกับผู้เสียหายเกี่ยวกับธุรกิจขายหน้ากากอนามัย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป และขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พอมีข้อมูลของกลุ่มผู้ก่อเหตุบ้างแล้ว อยู่ระหว่างการขยายผลและพิสูจน์ทราบเพื่อติดตามจับกุมต่อไป
ล่าสุด พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 พร้อม พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.หลักสอง นำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.น.9 และ สน.หลักสอง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังจากเมื่อช่วงดึกที่ผ่านมามีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่นายธนกฤต สถิจชวา อายุ 44 ปี ผู้เสียหายที่อยู่ในบ้านพักซึ่งเปิดเป็นบริษัทขายหน้ากากอนามัย ในซอยพุทธมณฑล สาย 2 แยก 11 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ จนมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุ และมีรถสปอร์ต ยี่ห้อปอร์เช่ 718 รุ่นบ็อกซ์สเตอร์ สีเหลือง ทะเบียนป้ายแดง ล7195 กทม.ของกลุ่มผู้ก่อเหตุถูกยิงเสียหาย โดย พ.ต.อ.นครินทร์ สอบปากคำนายธนกฤต เป็นเวลา 30 นาที ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุมาประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีที่ สน.หลักสอง
นายธนกฤต เปิดเผยว่า ตอนเวลา 23.54 น. มีกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เป็นคนรู้จักในแวดวงธุรกิจเดียวกัน โทรศัพท์มาข่มขู่และขอนัดเคลียร์ปัญหากับตนที่บ้าน ซึ่งต้นตอมาจากการที่ตนไปช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากการสั่งซื้อหน้ากากอนามัยผ่านเพจเฟซบุ๊กต่างๆ เสียหายกว่า 10 ล้านบาท ตนจึงปรึกษาทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อช่วยเหลือทางคดี เป็นเหตุให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่พอใจ และนำรูปตนกับภรรยาไปบอกผู้เสียหาย โดยกล่าวหาว่าตนเป็นผู้กักตุนหน้ากากอนามัยดังกล่าว ตนจึงแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทและมีปัญหาทะเลาะกันเรื่อยมา
นายธนกฤต กล่าวต่อว่า เมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุมาถึงบ้าน ก็เห็นท่าไม่ดี จากนั้นฝ่ายผู้ก่อเหตุยิงเข้าใส่ตนก่อน อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าปัญหาเรื่องหน้ากากอนามัยนั้นเกี่ยวข้องกับพรรคภราดรภาพตามที่เคยเป็นข่าวหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.นครินทร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานที่มีเบื้องต้นทราบว่าระหว่างเกิดเหตุมีรถยนต์เข้ามา 3 คัน เป็นโตโยต้ารุ่นอัลพาร์ด โตโยต้าคัมรี่ และยี่ห้อปอร์เช่ ส่วนพฤติกรรมการก่อเหตุและมูลเหตุจูงใจนั้น เป็นคำกล่าวอ้างของผู้เสียหายเพียงฝ่ายเดียว ตำรวจยังต้องรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมประสานพยานบุคคลทั้งหมดมาสอบปากคำ ซึ่งตอนนี้ทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว โดยตำรวจได้ยึดปืนลูกซอง และปืนขนาด 9 มม.อย่างละกระบอกของนายธนกฤต มาตรวจสอบ
...
มีรายงานว่า จากการตรวจสอบในบ้านพักนายธนกฤต ยังพบว่ามีรถยนต์กันกระสุน ส่วนรถปอร์เช่ ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุขับมานั้นเป็นรถยนต์เช่า ซึ่งเมื่อคืนนี้ได้มีเด็กเต็นท์รถเข้ามานำรถกลับไป แต่ตำรวจเห็นท่าทางมีพิรุธ เมื่อตรวจปัสสาวะพบว่าเสพยาเสพติดมา จึงจับกุมดำเนินคดีแยกเป็นอีกส่วน
ขณะที่พยานให้การว่า เมื่อช่วงดึกได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด พอออกมาดูก็พบรถปอร์เช่สีเหลืองดังกล่าวจอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งไม่เคยเห็นรถคันนี้เข้ามาก่อน อีกทั้งที่ข้างผนังบ้าน ยังมีรอยกระสุน 2 จุด และอีก 1 จุดที่หลังบ้าน