ตำรวจคุมตัวเขยปืนโหด ไปทำแผนรัวยิง 3 ศพ “เมีย พี่สาว แม่ยาย” เจ้าตัวยอมรับสารภาพ อ้างจับได้ฝ่ายหญิงไปคืนดีกับสามีเก่าถูกรางวัลที่ 1 ขณะที่ครอบครัวผู้สูญเสียเรียกร้องให้รับโทษประหารชีวิต
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 ก.ค.2563 พ.ต.อ.วรเพชร เพชรบรม ผกก.สภ.เมืองนครพนม พ.ต.ท.จีรุฎฐ์ พิมพ์พา รอง ผกก.สืบสวน พ.ต.ท.คำดี เฮียงบุญ ร.ต.อ.พยุง ศรีโฮง รอง สว.(สอบสวน) พนักงานสอบสวน คุมตัวนายนพดล น่วมสำลี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/331 หมู่ 7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาคดีฆ่า 3 ศพไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุยิงแฟนสาว คือ นางสาวสุจิตรา เชียงใบ หรือขิม อายุ 23 ปี พร้อมพี่สาว คือ นางจิตรา เชียงใบ อายุ 25 ปี และแม่ คือ นางลาวัลย์ เชียงใบ อายุ 45 ปี รวมเสียชีวิต 3 ศพ สาเหตุจากความหึงหวง เกรงว่าแฟนสาวจะกลับไปคืนดีกับสามีเก่า จึงมีปากเสียงทะเลาะกัน ขณะขับรถยนต์กระบะ ไปจอดบริเวณถนนเลี่ยงเมือง มหาสิทธิโชค ทางไปชุมชนบ้านเอื้ออาทร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ภายหลังแฟนสาว ได้โทรศัพท์ เรียกพี่สาวกับแม่มาช่วย จึงเกิดทะเลาะมีปากเสียงทำร้ายร่างกายกัน เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาชักอาวุธปืนยิงเสียชีวิตทั้ง 3 ราย หลังก่อเหตุทางตำรวจ ติดตามจับกุมตัวได้ขณะขับรถจักรยานยนต์ไปรับลูกสาวกลับจากโรงเรียน เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 3 ก.ค.2563 ที่ผ่านมา
สำหรับการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทางตำรวจ ได้คุมตัวไปจุดแรกคือ บ้านพักที่เป็นบ้านเช่า ในชุมชนบ้านเอื้ออาทร ซอย 4 ซึ่งเป็นจุดที่ขับรถกระบะ ออกมาจากบ้านด้วยกัน เพื่อไปทำธุระในตัวเมือง พอถึงที่เกิดเหตุจุดที่ 2 บริเวณริมถนนมหาสิทธิโชค ได้จอดรถริมฟุตบาท หลังมีปัญหาทะเลาะกับแฟนสาว เนื่องจากมีการพูดคุยสอบถาม เกี่ยวกับผู้ต้องหาพบว่าแฟนสาวได้มีการพูดคุยติดต่อกับสามีเก่า ที่มีลูกด้วยกัน เป็นลูกชาย 1 คน ปัจจุบัน อายุ 5 ขวบ ทำให้เป็นเหตุบานปลาย เนื่องจากแฟนสาวโวยวาย จนมีปากเสียงกัน และมีการโทรศัพท์ไปบอกพี่สาว และแม่มาช่วย เพราะถูกทำร้ายร่างกาย จนกระทั่งแม่กับพี่สาวมาถึงที่เกิดเหตุได้พยายามเข้าไปช่วยลูกสาวที่อยู่ในรถออกมา จนเกิดการกระชาก และผู้ต้องหาให้การว่า คนเป็นพี่สาว ได้ทำร้ายร่างกายชกไปที่ใบหน้า ทำให้เกิดความโมโห จึงชักปืนที่อยู่ในกระเป๋า ยิงไปที่พี่สาว 1 นัด รวมถึงแม่ อีก 1 นัดจนเสียชีวิต จากนั้นแฟนสาวกำลังจะวิ่งหนีหลบข้างรถ ตนจึงตัดสินใจยิง ไปอีก 2 นัด ทำให้เสียชีวิตคาที่ ทั้ง 3 ศพ
...
หลังเกิดเหตุ ได้ขับรถจักรยานยนต์ที่พี่สาวและแม่ขับมาจอดไปรับลูกสาว อายุ 8 ขวบ กำลังเลิกเรียน ซึ่งเป็นลูกของตนกับอดีตภรรยาที่นำมาอยู่นครพนมด้วย และย้อนกลับมาที่เกิดเหตุ เพราะไม่มีเจตนาหลบหนี แต่ถูกตำรวจสกัดจับกุมได้ บริเวณถนน กำลังจะถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งทางตำรวจได้ คุมตัวไปทำแผนเป็นจุดที่ 3 ซึ่งมีการจับกุมตัวได้
โดยทางผู้ต้องหาให้การว่ามูลเหตุสำคัญ มาจากความหึงหวง มีปัญหาทะเลาะกับแฟนสาว หลังพบข้อมูลในมือถือ มีการพูดคุยกับสามีเก่า จึงเกิดความไม่พอใจ และเกิดอารมชั่ววูบ ตัดสินใจก่อเหตุ แต่ยืนยันยังรักแฟนสาว และขอรับโทษตามกฎหมาย
ส่วนการดำเนินคดี วันนี้ ทางตำรวจได้เร่งสอบสวนสรุปพยานหลักฐาน และเตรียมนำตัวไปเสนอฝากขังที่ศาลจังหวัดนครพนม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลหากทางผู้ต้องหา มีการยื่นขอประกันตัว โดยมีการแจ้งข้อหาฐานความผิด รวม 2 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร นอกจากนี้ในส่วนของศพผู้เสียชีวิต ทางญาติจะรับศพจากโรงพยาบาลนครพนม ไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน เกิด ต.ท่าค้อ อ.เมือง นครพนม ในช่วงเย็นวันนี้
ด้านนายไพจิตร เชียงใบ อายุ 60 ปี พ่อและสามีผู้ตาย เปิดเผยว่า ยอมรับยังทำใจไม่ได้ สูญเสียทั้งลูกสาวทั้ง 2 คน และภรรยาอีก 1 คน ไม่คิดว่า จะโหดร้ายขนาดนี้ เพราะเห็นมาอยู่กินกับลูกสาวมาเป็นปี เห็นว่ารักชอบกันดูแลกัน ก็ดีใจ ไม่คิดว่าจะมาทำร้ายกันขนาดนี้ ยืนยันไม่ขอให้อภัย และไม่อยากให้ประกันตัวออกมาเด็ดขาด เพราะเกรงว่าจะย้อนมาทำร้ายฆ่าตนเองอีก เพราะทำได้ขนาดนี้ไม่ธรรมดา โหดเหี้ยมมาก ขนาดช่วงหลังเกิดเหตุ ตนพยายามขับรถสามล้อไปถึงที่เกิดเหตุ พบเห็นอดีตลูกเขย ยังหันปืนมาทางตน และตะโกนว่าห้ามยุ่ง เดี๋ยวจะยิงอีกคน ก่อนขับรถจักรยานยนต์ หนีไป
“ขณะนั้นตนคิดว่าตนจะไม่รอดแล้ว อย่างไรก็ตามขอให้ไปชดใช้กรรม และขอให้รับโทษประหารชีวิตอย่างเดียว ส่วนเรื่องหึงหวง นั้นยืนยันคิดไปเอง ลูกสาวไม่มีนิสัยแบบนั้น ไม่เชื่อว่าจะกลับไปคืนดีกับสามีเก่า เพราะเลิกราไปนานแล้ว เขามีครอบครัวใหม่แล้ว แต่คนก่อเหตุคิดไปเอง”
ขณะที่ นางสาวรัชดาพร ทองคลี อายุ 25 ปี เพื่อนสนิทพี่สาวที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โหดร้ายเกินคน เพราะตนสนิทใกล้ชิดกับครอบครัวนี้มาก ไปไหนมาไหนด้วยกัน ยอมรับก่อนนี้ เคยเกิดปัญหาทะเลาะกันรุนแรง และทางผู้ก่อเหตุเคยเอาปืนไปขู่ทำร้ายคน กับแฟนสาวของผู้ก่อเหตุ และพี่สาวอีกคน กล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นให้แฟนสาวที่ตาย กลับไปคืนดีกับสามีเก่า ทั้งที่ไม่มีอะไร แต่คิดไปเอง จนตนเคยไปแจ้งความไว้ที่โรงพักในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ช่วงเดินทางไปธุระที่ต่างจังหวัด และยังตามไปข่มขู่ ภายหลังตนได้ถอนแจ้งความ เมื่อหลายเดือนก่อน เพราะเห็นว่า เป็นเรื่องในครอบครัว ยอมรับว่าคนก่อเหตุเคยทำร้ายร่างกายแฟนสาว จนมีแผลบาดเจ็บหลายครั้ง ได้เพียงแต่บอกน้องว่าอดทน สุดท้ายไม่คิดว่าจะโหดร้ายขนาดนี้ รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันโหดร้ายเกินไป
...
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องหาได้ให้การยอมรับสารภาพ หลังการจับกุม ว่า ตนไม่มีเจตนาหลบหนี แต่เป็นช่วงที่เวลาลูกสาวเลิกเรียนเกรงว่าจะรอ จึงขับรถจักรยานยนต์ไปรับลูกสาวก่อน โดยทำไปเพราะความหึงหวงภรรยาจะกลับไปคืนดีกับสามีเก่า ทีแรกหลังก่อเหตุคิดจะฆ่าตัวตายตาม แต่สงสารลูกสาว จึงขอมอบตัวรับโทษ โดยก่อนนี้เมื่อสองปีที่ผ่านมา แฟนสาว คือ นางสาวสุจิตรา หรือขิม อายุ 23 ปี เคยมีสามีมาแล้ว มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 5 ขวบ ส่วนตน มีลูกกับภรรยาคนเก่า แต่เลิกรากันไป เป็นลูกสาว อายุ 8 ขวบ หลังนางสาวสุจิตราเลิกรากับแฟนเก่า ได้ไปทำงานที่พัทยา กระทั่งรู้จักตกลงคบหากันได้ประมาณ 1 ปี จากนั้นมีปัญหาทะเลาะกัน เพราะตนทำร้ายร่างกาย ทำให้แฟนสาวหนีกลับมาอยู่บ้าน ที่ จ.นครพนม ต่อมาตนได้ติดตามมาง้อขอคืนดี และได้ไปขอโทษพ่อแม่แฟนสาว และมาอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านเช่า ที่บ้านเอื้ออาทร ได้ประมาณ 5-6 เดือน และตนได้นำลูกสาว อายุ 8 ขวบ ย้ายมาเรียน ที่ จ.นครพนม ด้วย
ผู้ก่อเหตุกล่าวอีกว่า ต่อมาทางแม่ยายรู้ข่าวว่าอดีตลูกเขยถูกรางวัลที่ 1 มีเงินมีทอง จึงเรียกร้องให้ดูแลค่าเลี้ยงดูลูกชายที่เป็นลูกติดภรรยา แต่ตนก็รับได้ เพื่อความสบายใจของพ่อตาแม่ยาย แต่ไม่เคยคิดว่าแฟนสาวจะกลับไปคืนดีกับสามีเก่า จนกระทั่งตนเองจับได้ จากข้อมูลทางโทรศัพท์มือถือ พบว่ามีการติดต่อพูดคุยกัน อีกทั้งยังเคยไปไหนมาไหนด้วยกัน ซึ่งตนเคยสอบถาม แต่ไม่ยอมรับ จนมีปากเสียงทะเลาะกันหลายครั้ง กระทั่งถึงวันที่เกิดเหตุขณะจะไปรับลูกสาว ตนถามว่า จะไปคืนดีกับผัวเก่าก็บอก ตนถามแค่นี้ แฟนสาวก็โวยวายจนทะเลาะกันในรถ แล้วโทรศัพท์บอกให้แม่กับพี่สาวมา เมื่อมาถึงทางพี่สาวได้โวยวาย ใช้ฝ่ามือตบใบหน้าตนไป 1 ที พร้อมรุมด่าด้วยคำหยาบคาย ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ จึงชักปืนที่สะพายอยู่ในกระเป๋ากระหน่ำยิงทั้งสามคนเสียชีวิตดังกล่าว
...
อย่างไรก็ตาม หลังก่อเหตุตนได้บอกคนแถวนั้นว่า ช่วยโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้ด้วย โดยตนก็นั่งรออยู่ในที่เกิดเหตุ ประมาณ 15 นาที เมื่อยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมา นึกขึ้นได้ว่าลูกสาวไม่มีคนไปรับ จึงบอกคนละแวกนั้นว่าถ้าตำรวจมาบอกด้วยเดี๋ยวมามอบตัว ไปรับลูกสาวที่โรงเรียนก่อน ทีแรกคิดจะยิงตัวตายตาม แต่นึกถึงหน้าลูกสาวว่าจะอยู่กับใคร จึงขอติดคุกชดใช้กรรมที่ก่อขึ้น ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาหลบหนีไปไหนทั้งสิ้น