ฝากขังแก๊งญาติหื่นรุมข่มขืนเด็กหญิง 12 ปี จะได้ประกันหรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจของศาล หลังตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ค้านประกันตัวในชั้นสอบสวน เผย 1 ใน 5 ผู้ต้องหาผู้ใหญ่ 5 คนมีพฤติกรรมใช้อาวุธข่มขู่เหยื่อด้วย

จากเหตุสลดใจ ด.ญ.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุพรรณบุรี ถูกเครือญาติรุมข่มขืนมาราธอน 2 ปี พร้อมบังคับให้กินยาคุมกำเนิดไม่ให้ตั้งครรภ์ จนเรื่องแดงขึ้นเพราะ ด.ญ.ก้อย ทนเจ็บปวดจากอาการมดลูกอักเสบไม่ไหว ขอให้พี่สาวพาไปรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยายมราช แพทย์พบว่าอาการบาดเจ็บเกิดจากถูกล่วงละเมิดทางเพศ ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองเด็กและสตรี จ.สุพรรณบุรี ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ร่วมสอบปากคำกระทั่งรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับเครือญาติ 7 คนโดยจับกุมได้แล้ว 5 คน คือนายพะเยาว์ อายุ 32 ปี นายสุรัตน์ อายุ 34 ปี นายทรงวุธต์ หรือโด้ อายุ 20 ปี นายอนันต์ อายุ 51 ปี นายประเชิญ อายุ 32 ปี อีก 2 คน เป็นเด็กชายอายุ 10 ปี และ 12 ปี

ความคืบหน้าการสอบสวนดำเนินคดีแก๊งญาติหื่นรุมข่มขืนเด็กหญิง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มิ.ย.2563 พ.ต.อ.มาโนชญ์ จิตรภักดี รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.ท.ศาสตรา คงนาม รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสุพรรณบุรี พ.ต.ท.สะอาด ดัดธุยะวัตร์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี รวมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องหาคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 12 ปี ที่ห้องประชุม ชั้น 2 สภ.เมืองสุพรรณบุรี

...

โดย พ.ต.อ.มาโนชญ์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ผู้เสียหายซึ่งเป็นพี่สาวและอยู่ในฐานะเป็นผู้ปกครองของ ด.ญ. 12 ปี ได้พาเหยื่อพาพบพนักงานสอบสวน และแจ้งว่าได้ถูกข่มขืนกระทำชำเราโดยบุคคลใกล้ชิดหลายคน ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายได้พาเหยื่อไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลมีผลของการตรวจว่าถูกกระทำล่วงละเมิดทางเพศจริง ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ทำการสอบปากคำเหยื่อต่อหน้าสหวิชาชีพ ผลการสอบปากคำ จากการให้การของเหยื่อทราบว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเหยื่อ โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 คนเป็นผู้ใหญ่ 5 คน เยาวชน จำนวน 2 คน

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาส่วนหนึ่งเป็นเครือญาติและอยู่ในละแวกบ้าน ทางพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถทำออกหมายจับผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ใหญ่ ในข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้เด็กนั้นเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น

หลังจากนั้นจึงเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 รายตามหมายจับ สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย จะมีลักษณะพฤติกรรมการกระทำผิดแตกต่างกันไป โดยรายที่ 1.นายอนันต์ อายุ 51 ปี มีพฤติการณ์กระทำชำเรากับเหยื่อที่บ้านของผู้ต้องหาเองจนสำเร็จความใคร่และใช้นิ้วสอดใส่อวัยวะเพศเหยื่อ พร้อมข่มขู่ว่าหากไปบอกใครจะทำร้าย โดยกระทำการหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายวันที่ 3 มิ.ย. ผู้ต้องหารายที่ 2.นายทรงวุธต์ อายุ 21 ปี มีพฤติกรรมบังคับขู่เข็ญกระทำชำเราเหยื่อที่บ้านพักตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.61 เรื่อยมา โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาในขณะที่ไม่คนอยู่บ้าน

ผู้ต้องหารายที่ 3.นายประเชิญ อายุ 32 ปี กระทำชำเราในบ้านของเหยื่อหลายครั้งในห้องน้ำ จนสำเร็จความใคร่และข่มขู่ว่าจะฆ่า ถ้าหากเอาเรื่องไปบอกคนอื่น ผู้ต้องหารายที่ 4.นายพะเยาว์ อายุ 32 ปี เป็นคนในละแวกใกล้เคียง เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อขณะที่ไม่มีคนอยู่ จนสำเร็จความใคร่ ผู้ต้องหารายที่ 5 นายสุรัตน์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยของนายอนันต์ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกับเหยื่อบังคับกระทำชำเรา ตามคำให้การของเหยื่อก็คือวันเว้นวัน วันสุดท้ายก็คือวันที่ 3 มิ.ย.

ส่วนอีก 2 รายซึ่งเป็นเด็กชาย มีการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายหลายครั้งเช่นกัน ทางพนักงานสอบสวนจะได้ทำหนังสือเรียกตัวมาสอบปากคำ เนื่องจากออกหมายจับไม่ได้เพราะเป็นเด็ก อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ยังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเด็กสติไม่ดีและไม่มีการให้การอะไรเพิ่ม จึงไม่สามารถไปคาดการณ์อะไรได้ จะต้องใช้การสืบสวนในเชิงลึก ซึ่งตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากการสอบปากคำเด็กพบว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง

พ.ต.อ.มาโนชญ์ กล่าวต่อว่า คดีแบบนี้อัตราโทษค่อนข้างสูง มีโทษจำคุก 7-20 ปี และถ้ามีการข่มขู่เข็ญบังคับโดยใช้อาวุธข่มขู่มีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต ซึ่ง 1 ใน 5 ผู้ต้องหามีพฤติกรรมใช้อาวุธข่มขู่ด้วย ตำรวจมีพยานหลักฐานที่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้ จากการตรวจร่างกายพบว่าเหยื่อถูกกระทำแน่นอน เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องไปหาสืบหาพยานบุคคล พยานแวดล้อมต่างๆ มาประกอบ รวมทั้งพาเหยื่อไปชี้จุดที่เกิดเหตุ ตามที่ให้การแต่ละครั้งว่าคนไหนกระทำอย่างไรตรงไหน ส่วนที่ผ่านมาไม่มีการระแคะระคายนั้นเป็นเพราะคนที่เป็นญาติกระทำเสียเอง เรื่องจึงเงียบ มีเพียงเหยื่อกับตัวพี่สาวที่รับรู้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเกรงกลัว ส่วนบริเวณรอบนอกเป็นญาติห่างๆ และมีผู้ต้องหาบางรายข่มขู่ทำร้ายกันถึงชีวิต โดยมีมีดเหน็บข้างเอว ตามคำให้การของเหยื่อ ทำให้เกิดความกลัว

...

ต่อมาเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถกรงขังของ สภ.เมืองสุพรรณบุรี มาจอดหน้าโรงพักและเข้าไปรับตัวผู้ต้องหาจากห้องขังของ สภ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อนำไปส่งฝากขังต่อที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีญาติมาติดต่อเพื่อขอประกันตัวทั้ง 5 คน แต่ตำรวจไม่อนุมัติให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และให้ไปทำเรื่องประกันในชั้นศาล

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำกำลังมาช่วยนำตัวทั้งหมด ฝ่ากลุ่มนักข่าวที่มายืนรออยู่ที่หน้าห้องขังจำนวนมากไปศาล หลังจากตำรวจนำโซ่ตรวนเข้าไปใส่ให้ผู้ต้องหาพร้อมทั้งใช้เสื้อคลุมหน้าทั้ง 5 คน ก็ได้นำออกมาและรีบนำตัวขึ้นรถไปศาลทันที โดยไม่มีใครยอมให้สัมภาษณ์อะไรทั้งสิ้น โดยมีญาติของผู้ต้องหาตามไปที่ศาลเพื่อทำเรื่องเพื่อขอประกันตัวทั้ง 5 คน

...

ขณะที่ในส่วนที่บ้านของเด็กหญิงผู้เสียหาย มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำกำลังเข้าไปตรวจสอบสภาพภายในบ้านและละแวกบ้านโดยรอบเพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการต่อไปด้วย.