สืบนครบาลนำหมายศาลค้นตึกไทยเฮลท์ เจอหน้ากากอนามัย 2 ลัง 12,500 ชิ้น ขณะที่ “พันธ์ยศ อัครอมรพงศ์” ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ยอมรับรู้จัก “บอย ศรสุวีร์” ยืนยันเป็นแค่ตัวกลางในการติดต่อหาหน้ากากอนามัยให้หน่วยงานภาครัฐของประเทศจีน
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 9 มี.ค.63 พ.ต.ท.นิติกร ระวัง รอง ผกก.1 บก.สส.บช.น. พร้อม พ.ต.ท.เทพฤทธิชาวนาวิก รอง ผกก.สส.สน.หนองแขม เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน สนธิกำลังเจ้าหน้าที่รวมกว่า 30 นายนำหมายศาลอาญาตลิ่งชัน เลขที่ ค.57/2563 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2563 เข้าตรวจค้นอาคารไทยเฮลท์ เลขที่6/32 ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ หลังสืบทราบว่าอาคารดังกล่าวเป็นอาคารเดียวกับที่ปรากฏในคลิปที่เผยแพร่ในโลกโซเชียลที่มีผู้ชายลักษณะคล้ายนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศมี หรือบอย อายุ 47 ปี พูดว่า “พร้อมจำหน่ายหน้ากากอนามัยมีสินค้าประมาณ 200 ล้านชิ้น” โดยเนื้อหามีการโพสต์ข้อความคล้ายกับเชิญชวนให้มีการสั่งซื้อหน้ากากอนามัย และยังระบุว่ารู้จักกับนายพิตนินันท์ รักเอียด คณะทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
...
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ปลูกติดกัน 7 คูหา มีความสูง 4 ชั้นครึ่ง เนื้อที่กว่า 1 ไร่ ภายในเปิดเป็นที่ตั้งทำการพรรคภราดรภาพ สมาพันธ์นักธุรกิจหนองแขม และสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย-จีน ซึ่งบางส่วนแบ่งเป็นโกดังเก็บสินค้าและห้องพักที่อยู่อาศัย ซึ่งอาคารทั้งหมดเป็นของนายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ
จากการตรวจสอบด้านในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นออฟฟิสของบริษัทไทยเฮล์ท จำกัด ที่เป็นธุรกิจอาหารเสริมความงามเพื่อสุขภาพ ซึ่งขณะนี้ได้ปิดกิจการไปแล้ว จากการตรวจสอบห้องเก็บของบริเวณชั้นล่างพบ หน้ากากอนามัยบรรจุอยู่ในลังกระดาษใหญ่ จำนวน 2 ลัง แบ่งเป็นกล่องเล็ก จำนวน 250 กล่อง กล่องละ 50 ชิ้น รวมเป็น 12,500 ชิ้น บริเวณหน้าลัง มีข้อความระบุว่า “k’อลิส ฝากบริจาค ปอง 5 มี.ค. 0929987899” เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำการตรวจยึดแต่อย่างใด ก่อนจะยกเลิกภารกิจถอนนำกำลังกลับ
ด้านนายพันธ์ยศ เปิดเผยว่า อาคารดังกล่าวเป็นของตน แต่ก่อนเคยเปิดเป็นบริษัทไทยเฮลท์ จำกัด เป็นธุรกิจอาหารเสริมความงามเพื่อสุขภาพ แต่ขณะนี้ได้ปิดกิจการไปแล้ว ส่วนประเด็นที่ปรากฏเป็นคลิปบนโลกโซเซียลนั้น ตนยอมรับว่าเป็นบริษัทของตนจริงและยอมรับว่ารู้จักกับนายนายศรสุวีร์ หรือบอย ภู่รวีร์รัศมี จริง รู้จักกันมาได้ประมาณ 1 เดือน มีผู้ใหญ่ในกลุ่มนักธุรกิจแนะนำให้รู้จัก หลังจากนั้นคุณบอยก็ได้ประสานขอให้ตนหาหน้ากากอนามัยในท้องตลาด เพื่อจะนำมาบริจาคในจำนวน 1 ล้านชิ้น แต่แค่อยู่ระหว่างคุยหลายละเอียด เพราะตนทำธุรกิจกับชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อช่วงโรคโควิด-19 ระบาดที่ประเทศจีนนั้น ตนก็ได้ประสานขอความช่วยเหลือจากทางการจีนในส่วนของฆณทลต่างๆ เพื่อให้เป็นธุระจัดหาหน้ากากอนามัยในประเทศไทยเพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประเทศจีน
โดยตนขอยืนยันว่าเป็นแค่ตัวกลางในการติดต่อหาหน้ากากอนามัยให้หน่วยงานภาครัฐของประเทศจีน เพื่อนำไปช่วยเหลือคนประเทศของจีน โดยตนไม่ได้เป็นพ่อค้าคนกลางหรือบุคคลที่กักตุนสินค้าอย่างที่สังคมกำลังเข้าใจ การจัดหาแต่ละครั้งตนเองได้แค่ค่าดำเนินการ แล้วก็สุดแต่หน่วยงานภาครัฐของจีนจะดำเนินการให้ ส่วนการนำออกนอกประเทศนั้นเป็นหน้าที่ของหน่วยงานจีนที่ประสานขอความช่วยเหลือ แต่ตนไม่ทราบจริงๆว่าใครจะนำออกไปอย่างไร
...
ส่วนประเด็นของนายศรสุวีร์ ตนแค่พูดคุยกันเท่านั้น เพราะเห็นว่าคุณบอย จะนำหน้ากากอนามัยไปบริจาค ตนจึงรับเป็นธุระในการหาของในตลาดออนไลน์เท่านั้น แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการก็มาเกิดเป็นประเด็นเสียก่อน ส่วนที่บอกว่าตนรู้จักกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นั้น ตนขอปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริง
ส่วนประเด็นสุดท้ายที่มีภาพในโซเซียลปรากฏมีกล่องสินค้าหน้าอนามัยจำนวนมากอยู่ในออฟฟิสตนนั้น ยอมรับว่ามีจริงแต่ไม่ได้เป็นการกักตุนแต่อย่างใด ตนมีการสั่งหน้ากากอนามัยจำนวนมาก เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานภาครัฐของประเทศจีนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ มันก็ไม่แปลกที่จะมีของอยู่ในออฟฟิสตน แต่พอสินค้ามาได้ไม่ถึงวัน หน่วยงานของจีนก็จะมารับไป ดังนั้นตนขอยืนยันว่าไม่มีการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด.