ยังเป็นหน่วยงานที่มีผลงานปราบปรามยาเสพติดต่อเนื่อง ตามนโยบายของรัฐบาล พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. ลูกหม้อที่เติบโตมากับหน่วยงานยาเสพติด พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผช.ผบ.ตร. และรอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เดินหน้าเชิงรุกสืบสวนหาข่าว ปราบปรามเครือข่ายผู้ผลิต ผู้ค้าระหว่างประเทศ ผู้ค้ารายใหญ่ นายทุน ผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนพัวพันยาเสพติด

สกัดกั้นการลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่แนวชายแดน ไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ ปิดล้อมตรวจค้นแหล่งพักยาและพื้นที่แพร่ระบาด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ สร้างความสัมพันธ์หาความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศในกลุ่มอาเซียน ต้นทางและปลายทางในทุกภูมิภาคทั่วโลก

ขยายผลไปที่ขบวนการค้ายาเสพติดในทุกระดับ จับกุมผู้กระทำผิดแบบ “ถอนรากถอนโคน” ใช้มาตรการยึดอายัดทรัพย์สินของผู้ค้ายาเสพติดและดำเนินการผู้ที่เกี่ยวข้องเครือข่ายการฟอกเงิน

หลังรับตำแหน่งไม่นาน พล.ต.ท.ชินภัทรใช้ประสบการณ์วิเคราะห์สถานการณ์ยาเสพติดพบว่า ปัจจุบันกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดได้พัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้ายาเสพติด โดยนำเทคโนโลยีการติดต่อซื้อขายผ่าน สื่อสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ทั้งทางทวิตเตอร์ ไลน์และเฟซบุ๊ก สร้างพื้นที่ติดต่อกันส่วนตัวได้ ไม่จำเป็นต้องระบุตัวตนว่าเป็นใครทำได้โดยไม่ต้องแสดงที่อยู่หรือชื่อนามสกุลจริง

...

ที่เรียกกันว่า การสร้างตัวตนเทียม ใช้ชื่อที่น่าสนใจในการดึงดูดคน เมื่อระบบมีการให้ยืนยันตัวตนจะทำการปิดระบบ แล้วสร้างระบบใหม่ขึ้นมาควบคู่กับการส่งมอบยาเสพติดผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ ระบบ “โลจิสติกส์” ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนมากขึ้น

เนื่องจากมีผู้ให้บริการขนส่งระบบโลจิสติกส์หลายบริษัท สามารถกระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็วและไม่จำกัดพื้นที่ และยังมีปัจจัยเกี่ยวกับ การทำธุรกรรมทางการเงิน การโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สะดวกรวดเร็ว ยากต่อการสกัดกั้นจับกุมและขยายผล ทำให้มีกลุ่มผู้ค้ารายใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และเกิดปัญหาการแพร่ระบาดในแหล่งชุมชนหลายพื้นที่

พล.ต.ท.ชินภัทรหาอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยเสริมเขี้ยวเล็บให้ บช.ปส.หาข่าวของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดผ่านระบบเครือข่าย สังคมออนไลน์ และ ระบบโลจิสติกส์ การส่งยาเสพติดทางพัสดุไปรษณีย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศในเส้นทาง AEC ซึ่งกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดข้ามชาติอาศัยช่องว่างระบบนี้

บช.ปส.วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ปัญหาการติดต่อซื้อขายยาเสพติดผ่าน สื่อสังคมออนไลน์ แพร่ระบาด ได้แก่ 1.ไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเฝ้าระวังและติดตามผู้ค้ายาเสพติดผ่านระบบสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดียโดยตรง 2.ภาครัฐขาดบุคลากรที่มีความรู้เทคโนโลยี รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์พิเศษในการติดตามและเข้าถึงข้อมูลของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงรูปแบบอยู่ตลอดเวลา

3. ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะในการลงโทษผู้ค้ายาเสพติดในระบบสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดีย มาตรการเฝ้าระวัง และรับมือโลกยาเสพติดในโซเชียล ออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันจำเป็นต้องมี 1.ควรมีหน่วยงานหรือศูนย์ที่รับผิดชอบในการควบคุม เฝ้าระวังและติดตามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดผ่านระบบสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดีย เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบติดต่อซื้อขายยาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดีย

2.พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ จัดหาเครื่องมืออุปกรณ์พิเศษหรือระบบติดตามและเข้าถึงข้อมูลของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์และโซเชียลมีเดีย

3.ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เพิ่มบทลงโทษผู้ค้ายาเสพติดในระบบสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดีย เพื่อเป็นการป้องปรามผู้ลักลอบติดต่อซื้อขายยาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ขยายเรื่องโทษการขายยาเสพติด กรณีผ่านสื่อออนไลน์ เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลที่นำไปสู่การทลายเครือข่ายและยึดทรัพย์สินผู้ค้ารายใหญ่

การทำงานแบบเป็นระบบทำให้ผลจับกุมของ บช.ปส.พุ่งพรวด ปี 2562 จับกุม 2,205 คดี ผู้ต้องหา 2,486 ราย ยาบ้า 179,564,849 เม็ด ยาไอซ์ 5,089.11 กิโลกรัม เฮโรอีน 496.62 กิโลกรัม โคเคน 26.32 กิโลกรัม กัญชาแห้ง 15,365 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ 276 ราย มูลค่า 1,131 ล้านบาท ปี 2563 ช่วงวันที่ 1 ต.ค.ถึงวันที่ 20 ม.ค.จับกุม 569 คดี ผู้ต้องหา 645 ราย ยาบ้า 38,904,843 เม็ด ยาไอซ์ 2,950.05 กิโลกรัม เฮโรอีน 104.81 กิโลกรัม โคเคน 10.20 กิโลกรัม กัญชาแห้ง 4,200.76 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ 65 ราย มูลค่ากว่า 106 ล้านบาท

...

ตั้งแต่เดือน ต.ค. ชุดสืบสวน บช.ปส.วิสามัญเครือข่ายพ่อค้ายาเสพติด7 คดี 9 ราย พล.ต.ท.ชินภัทรนำทีมทลายขบวนการฟอกเงิน “เครือข่ายมันทุกเม็ด” ของ นายปัณณวิชญ์ ประทุม หรือโก๋แก่ หรือเทพบุตรโซโล กว่า 1,000 ล้านบาท ตรวจค้นจับกุมผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติ ปลายทางญี่ปุ่น กลางกรุงยาไอซ์จำนวนมาก “เครส-ทวิตเตอร์” ขยายผลผู้ต้องหา 2 คนเปิดทวิตเตอร์ twitter โพสต์ในชื่อ “ขายยาบ้าทุกชนิด ต้องการเคมีตัวไหนทักมา” และ “ขายตัวใหญ่” ในโลกโซเชียล มีโปรพิเศษช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งให้ บช.ปส.ดำเนินการอย่างเร่งด่วน

พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. กล่าวว่า “การสืบสวนขยายผลทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทั้งระบบ ตั้งแต่กลุ่มผู้ผลิต ผู้ขนส่งลำเลียง นายทุน ผู้ค้า รวมถึงกลุ่มผู้สนับสนุนกระบวนการค้ายาเสพติดให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนในพื้นที่เพื่อหยุดยั้งการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแหล่งผลิตนอกประเทศเข้าในประเทศทุกช่องทาง ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศและให้ร่วมบูรณาการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมการลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ การสืบสวนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง กับคดียาเสพติดและตรวจสอบเส้นทางการเงินหาความเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ยึดทรัพย์สินคดียาเสพติดทุกราย ใช้มาตรการด้านทรัพย์สินแบบบูรณาการ ทั้งคดี ยาเสพติด การฟอกเงินและภาษีอากรทุกคดี และนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อทำลายเส้นทางการเงิน ผู้ค้ายาเสพติด

...

“การสืบสวน ปราบปราม ขบวนการค้ายาเสพติดที่ผ่านโลกออนไลน์ เฟซบุ๊ก และไลน์ การขนส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์หรือระบบโลจิสติกส์ แสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศที่มีอิทธิพลต่อประเทศเพื่อนบ้านให้ร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี พัฒนากลไกความร่วมมือระหว่างประเทศบริเวณ

ชายแดนเพื่อสกัดกั้นและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดอย่างเป็นระบบ การค้ายาเสพติดโลกออนไลน์ไม่มีกฎหมายเฉพาะในการลงโทษ เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยม เพราะเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดรายใหม่ได้ง่าย ยากแก่การเฝ้าระวังและหาพยานหลักฐานได้ยาก การเพิ่มโทษเพียงอย่างเดียวไม่ได้มีผลป้องปราม ควรใช้ควบคู่กับบทสันนิษฐานและวิธีการล่อซื้อแก้ปัญหาขาดพยานหลักฐานกำชับเจ้าหน้าที่ ต้องปฏิบัติตามหลักยุทธวิธี เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดขณะปฏิบัติหน้าที่และเข้มงวด สอดส่อง ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด”

เป็นงานหนักของ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. กลไกหลักในการปราบปรามยาเสพติด.

ทีมข่าวอาชญากรรม