ตอนเป็นเด็กอยากจะกินอะไรก็ไม่ได้กิน “จ่าหมาข้าวแกงขวัญใจคนจน” อดีตนายตำรวจยศ ร.ต.อ.ใช้ชีวิตหลังเกษียณ เปิดร้านขายข้าวแกงราคาถูก สวนกระแสยุคข้าวยากหมากแพง อิ่มนี้เพื่อทุกคน แค่ 20 บาท จัดให้เต็มจาน ทำวันละเกือบ 40 เมนู หมดเกลี้ยงไม่เคยเหลือ

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.วีระพงศ์ ศิลปะเศวต อายุ 63 ปี อดีตข้าราชตำรวจ ตำแหน่ง รองสารวัตรสืบสวน สภ.เมืองชุมพร อยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่ 6 ต.นาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร หรือที่ชาวบ้านทั่วไปรู้จักในชื่อ “จ่าหมา” หลังจากเกษียณอายุราชการ ทำให้หวนคิดถึงอดีตที่ครอบครัวพ่อแม่เคยยากจนต้องดิ้นรนใช้แรงงานปากกัดตีนถีบ อดมื้อกินมื้อเพื่อหาเงินส่งเสียลูกเรียนหนังสือ วันนี้ “จ่าหมา” ผันชีวิตตัวเองหลังเกษียณ มาช่วยภรรยาสุดที่รักเปิดร้านขายข้าวแกงราคาถูก จานใหญ่อิ่มท้อง ในราคาจานละ 20 บาท หากเพิ่มกับอีก 1 อย่างก็เพิ่มเงินอีก 5 บาท เป็นจานละ 25 บาท ส่วนแกงใส่ถุงก็ขายถุงละ 20 บาทเช่นเดียวกัน

โดยเปิดร้านขายอยู่ในสโมสรรถไฟชุมพร ตำบลท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร จนลูกค้ามาเข้าคิวต่อแถวอย่างเนืองแน่น จนได้รับฉายาว่า “จ่าหมาข้าวแกงขวัญใจคนจน” ถึงแม้ได้กำไรไม่มากมาย แต่ก็เต็มใจทำ หวังเพียงแค่ต้องการช่วยเหลือคนยากคนจน ผู้ใช้แรงงานที่ต้องทำงานหนักหาเงินเลี้ยงครอบครัว เหมือนดั่งชีวิตครอบครัวของเขาในอดีตที่ผ่านมา

...

ร.ต.อ.วีระพงศ์ เล่าว่า ในอดีตตอนเด็กๆ พ่อแม่มีฐานะทางครอบครัวยากจนมีพี่น้องหลายคน ทำให้พ่อแม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินส่งให้ลูกๆ ได้เล่าเรียนกันทุกคน และลูกๆ ทุกคนก็ไม่ได้ทำให้พ่อแม่เสียใจแม้แต่คนเดียว กลับทำให้พ่อแม่ภูมิใจ เพราะลูกๆ จบการศึกษาออกมามีงานทำเป็นข้าราชการกันทุกคน

“ตอนเป็นเด็กอยากจะกินอะไรก็ไม่ได้กินเพราะความยากจน แต่ก็ไม่เคยน้อยใจในชีวิตของตนเอง กลับทำให้มีพลังต่อสู้ว่าสักวันจะต้องได้ในสิ่งที่อยากได้ จนกระทั่งเรียนจบและสมัครสอบได้เข้าเรียนโรงเรียนพลตำรวจ เมื่อเรียนจบหลักสูตรได้มารับราชการประจำอยู่ที่ สภ.เมืองชุมพร ตลอดระยะที่รับราชการตำรวจก็ได้ปรับตำแหน่ง เลื่อนขั้นชั้นยศเรื่อยมาจนเป็นจ่าตำรวจ และชาวบ้านทั่วไปเรียกชื่อเล่นจนติดปากว่า “จ่าหมา” มาถึงทุกวันนี้”

ร.ต.อ.วีระพงศ์ เล่าต่อว่า จนกระทั่งได้ปรับยศ ก่อนจะเกษียณอายุราชการเป็นนายตำรวจแล้วเลื่อนชั้นยศเรื่อยมาจนได้ยศร้อยตำรวจเอก แต่เมื่อเราสวมหัวโขนหมดบทบาทหน้าที่ลงแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยลืมกำพืดตนเองได้เลย ก็คือความจนในอดีตที่ผ่านมา จึงได้ปรึกษาภรรยาว่าจะเปิดร้านขายข้าวแกงเล็กๆ สักร้าน เนื่องจากตนเองมีฝีมือในการทำกับข้าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพื่อขายในราคาถูกที่พอจะลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้แรงงานและชาวบ้านยากจนได้

“เมื่อภรรยาเห็นดีด้วยก็ได้ไปติดต่อกับสโมสรรถไฟชุมพร เปิดเป็นร้านขายข้าวแกงมาจนถึงวันนี้ โดยขายจานละ 20 บาท และแกงถุงก็ขายถุงละ 20 บาทเช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีชาวบ้านและลูกค้าจากทุกสาขาอาชีพมาอุดหนุนกันอย่างเนืองแน่น ช่วงแรกๆ ตนทำกับข้าววันละ 6-7 อย่าง แต่เมื่อลูกค้ารู้จักมากขึ้นก็ไม่เพียงพอ จนปัจจุบันนี้ตนทำกับข้าวมากถึงเกือบ 40 อย่างต่อวัน มีทั้ง แกง ต้ม ผัด คั่ว ทอด ขายตั้งแต่เช้าจนถึง 5 โมงเย็น ไม่เคยเหลือแม้แต่อย่างเดียว”

...

ร.ต.อ.วีระพงศ์ หรือ “จ่าหมา” กล่าวย้ำว่า มาถึงวันนี้ตนเองและภรรยาดีใจและมีความสุขมากกับสิ่งที่ทำ ที่เราสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แม้จะขายราคาถูกแต่วัตถุดิบที่นำมาใช้แกงและปรุงเราเลือกของที่มีคุณภาพทั้งหมด ทุกอย่างต้องสดและใหม่ทุกวัน ไม่มีของค้าง ของเหลือทั้งสิ้น เมื่อหักต้นทุนค่าลูกจ้างค่าแรงงานแล้ว ถึงแม้ตนจะเหลือกำไรวันละไม่กี่ร้อยบาท แต่ก็ภูมิใจที่ได้ทำได้ช่วยเหลือชาวบ้าน ผู้ใช้แรงงานในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างหนักเช่นทุกวันนี้.