ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิตอดีตพนง.เวรเปลรพ.ราชวิถี ฟันคอ รปภ.รพ.ราชวิถีดับ ก่อนจะถามไถ่อาการบิดาที่เครียดจนโดดจากอาคารศาลชั้น 8 สาหัส พร้อมแจ้งสิทธิให้ทราบยังสามารถยื่นฎีกาได้ตามขั้นตอนกฎหมาย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ก.พ.63 ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายภัทรพงษ์ หรือตั้ม เครือนาค อายุ 31 ปี อดีตพนักงานเวรเปล รพ.ราชวิถี ประจำสถาบันโรคผิวหนัง เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ
จากกรณีเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.60 เวลากลางวัน จำเลยใช้มีดฟันนายสัญชาย วันงาม อายุ 30 ปี รปภ.รพ.ราชวิถี ที่ลำคอด้านซ้าย เส้นเลือดแดงฉีกขาด ถึงแก่ความตาย เหตุเพราะผู้ตายไม่ให้จำเลยจอดรถในที่ห้ามจอด เหตุเกิดที่ รพ.ราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ปรับ 1,000 บาท คดีนี้หลังฟังคำพิพากษา นายอัครเดช บิดาของนายภัทรพงษ์ จำเลย เกิดความเครียดที่ลูกถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ตัดสินใจกระโดดดิ่งลงจากชั้น 8 อาคารศาลอาญาหวังฆ่าตัวตาย ร่างกระแทกต้นไม้ ก่อนตกลงพื้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสแขนขาหัก
...
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักให้รับฟังได้มั่นคงว่า เหตุที่เกิดจากความไม่พอใจที่ผู้ตายบอกจำเลยไม่ให้จอดรถในที่ห้ามจอด ส่วนที่จำเลยอ้างว่า ช่วงเกิดเหตุมีดสะบัดไปโดนผู้ตายอันเป็นการป้องกันตัวที่ผู้ตายใช้ท่อนเหล็กตีกลับจำเลยจากป้อมยามนั้น ขัดกับคราบโลหิตที่พบในที่เกิดเหตุ และภายในป้อมยาม
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่า ได้เข้ามอบตัว และให้การรับสารภาพเรื่องอาวุธ รวมทั้งนำเสื้อผ้าที่ใส่วันเกิดเหตุมอบให้พนักงานสอบสวน ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยเพียงแต่นำกางเกงยีนส์ที่ใส่มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน ส่วนอาวุธมีดทางเจ้าหน้าที่ต้องทำการตรวจดีเอ็นเอแล้วจึงได้ติดตามรวบรวมหลักฐานมา ขณะที่จำเลยขอให้การในชั้นศาล โดยในชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธซึ่งไม่ได้มีข้อมูลที่เป็นการให้ความรู้ต่อศาล กรณีของจำเลยจึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้จำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นฯ และปรับ 1,000 บาท ฐานพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาถามถึงอาการของบิดาจำเลย ที่เคยกระโดดจากอาคารศาลอาญา ชั้น 8 กระแทกต้นไม้ ก่อนตกลงพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัสแขนขาหัก หลังจากเกิดความเครียดที่จำเลยถูกจำคุกตลอดชีวิต โดยนายภัทรพงศ์จำเลย กล่าวต่อศาลว่า บิดาอาการดีขึ้น สามารถเดินได้ปกติแล้ว ขณะที่ผู้พิพากษาได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้จำเลยทราบด้วยว่ายังสามารถยื่นฎีกาได้ตามขั้นตอน.