ก๊วน 9 ผู้ต้องหาคดีแชร์แม่มณี ให้การปฏิเสธ หลังถูกส่งฟ้องคดีฉ้อโกงประชนชน ที่ร่วมกันหลอกให้ลงทุนเงินออมจนมีผู้เสียหาย 2,533 ราย รวมมูลค่ากว่า 1,376 ล้านบาท ศาลนัดตรวจหลักฐาน 9 มี.ค.63


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ม.ค.63 ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำ อ.167/63 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือเดียร์ อายุ 30 ปี ชาว จ.อุดรธานี เจ้าของวงแชร์ “แม่มณี”, นายเมธี หรือบอส ชิณภา อายุ 20 ปี ชาว จ.อุดรธานี แฟนหนุ่มของ น.ส.วันทนีย์, นายปิยะ หรือเป้ คีรีสุวรรณกุล อายุ 22 ปี ชาว จ.อุดรธานี, น.ส.พรสวรรค์ หรือฝ้าย ภูอินอ้อย อายุ 20 ปี ชาว จ.อุดรธานี, น.ส.ธวัลรัตน์ ทิพย์ประเวช อายุ 58 ปี ชาว จ.อุดรธานี มารดา น.ส.วันทนีย์, น.ส.วิไลวรรณ หรือมิ้น หงษ์ประชาทรัพย์ อายุ 26 ปี ชาว จ.อุดรธานี, น.ส.นิตยา หรือโบว์ พินนอก อายุ 28 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ, นายบริภัทร เข็มรัตน์ อายุ 23 ปี ชาว จ.อุดรธานี และนายปิยะเศรษฐ์ ธิโสภา อายุ 24 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 มี.ค.-30 ต.ค. 2562 จำเลยที่ 1, 4 ได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1, 4 กับพวก โดยจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษ ซึ่งมีแผนการตลาดหรือรูปแบบการลงทุนจัดแบ่งออกเป็นวงแชร์จำนวนการลงทุนวงละ 1,000 บาท จะได้รับผลตอบแทน 930 บาท ต่อหนึ่งวง เมื่อครบกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ลงทุนหรือวันที่ฝากเงินมายังบัญชีที่พวกจำเลยแจ้ง โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนพร้อมผลตอบแทนกลับไปจำนวนวงแชร์ละ 1,930 บาท

...

ต่อจำเลยที่ 1, 4 กับพวก ได้เปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้นดังนี้ โดยลงทุน 400 บาท ได้รับผลตอบแทน 100 บาท เมื่อครบกำหนด 7 วัน โดยจะได้รับคืนเป็นเงิน 500 บาท, ลงทุน 400 บาท ได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 12 วัน จะได้รับคืนเป็นเงิน 500 บาท, ลงทุน 150 บาท ได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 12 วัน จะได้รับคืนเป็นเงิน 300 บาท, ลงทุน 150 บาท ได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 13 วันจะได้รับคืนเป็นเงิน 300 บาท


โดยข้อความดังกล่าวล้วนเป็นความเท็จ เพราะความจริงแล้วจำเลยที่ 1, 4 กับพวก ไม่ได้จัดให้มีการออมเงินหรือร่วมลงทุนโดยได้รับผลตอบแทนมากกว่าปกติดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นอุบายให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวงเท่านั้น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายรวม 2,533 ราย พวกจำเลยไม่สามารถจ่ายผลประโยชน์ในอัตราดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนได้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จ่ายเงินให้กับจำเลยทั้งเก้าไปตามจำนวนเงินของผู้เสียหายแต่ละราย รวม 1,376,215,359.74 บาท
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดและให้พวกจำเลยทั้งเก้าชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทั้ง 2,533 ราย รวม 1,376,215,359.74 บาทด้วย


วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำมาสอบคำให้การ โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้พวกจำเลยฟังจนเข้าใจและสอบถามว่า จะรับสารภาพ หรือปฏิเสธ ปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี

ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย วันที่ 9 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น.