วิญญาณลูกชายเข้าฝันผู้เป็นแม่ เดินเข้าบ้าน ไม่ยอมสบตา ก่อนเดินออกไป สุดท้ายมาพบเป็นโครงกระดูกผูกคอตายในป่า ห่างจากบ้านเพียง 100 เมตร หลังจากหายสาปสูญนาน 4 เดือน

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 8 มกราคม ร.ต.อ.อุดมพล โพธินันท์ รอง สว.สอบสวน สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี รับแจ้งจาก นายคำแปลง คนทน กำนัน ต.สร้างแป้น อ.เพ็ญ ว่ามีชาวบ้านพบโครงกระดูกมนุษย์ ในป่าสาธารณะประโยชน์ชุมชนบ้านทอน ซึ่งอยู่ด้านหลังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านทอน-ดอนยาว ม.3 ต.สร้างแป้น จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ พ.ต.ท.ยุทธศิลป์ นามแสง รอง ผกก.ป. สภ.เพ็ญ นำกำลังตำรวจออกตรวจสอบ พร้อมกับประสานอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน จุด อ.เพ็ญ และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุดรธานี มาร่วมกันพิสูทธิ์ทราบและเก็บหลักฐาน

ในที่เกิดเหตุ พบโครงกระดูกมนุษย์กระจัดกระจายอยู่พื้นบริเวณใต้ต้นไม้ ชิ้นส่วนกระดูกบางส่วนถูกใบไม้ปกคลุม บางส่วนอยู่ด้านในกางเกงยีนส์ขายาว และเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีดำ ในกระเป๋ากางเกงพบห่อยาเส้น และไฟแช็ค ใกล้กันพบรองเท้าแตะสีแดง 1 คู่ ส่วนบนกิ่งต้นไม้พบเชือกไนล่อนสีขาวผูกเป็นปม คาดว่าผู้ตายใช้ผูกคอตายกับต้นไม้ดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายเดือน โดยไม่มีคนพบเห็น และมีญาติมาที่เกิดเหตุยืนยันว่าเป็นโครงกระดูกของนายศราวุธ อุปละ อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 22 ม.3 บ้านทอน ต.สร้างแป้น อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ที่มีอาการป่วยทางจิต ซึมเศร้า หายออกจากบ้านตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 2562 รวม 4 เดือนเศษ

...

สอบสวน นางคำมี นอกเมือง อายุ 62 แม่ผู้ตายให้การว่า มีลูก 3 คน เป็นหญิง 2 คน คนตายเป็นคนกลาง เมื่อก่อนทำงานโรงงานผลไม้กระป๋องที่ จ.สมุทรสาคร มีอาการทางประสาทมา 2 ปี ต้องกินยาตลอดหลังเข้ารักษาอาการจนดีขึ้น และช่วงกลางปีที่ผ่านมา ลูกชายแยกทางกับภรรยา และผู้ตายได้ลาออกจากงานเดินทางกลับมาบ้าน แต่มีอาการซึมเศร้าเหม่อลอย ถามคำตอบคำ กระทั่งช่วงฤดูทำนาปลายเดือนสิงหาคม 2562 เวลาประมาณ 08.00 น. ตนกลับมาจากกระท่อมนา เพื่อมาหาข้าวปลาให้ลูกกิน แต่ไม่พบ จึงสอบถามไปยังตำรวจ สภ.เพ็ญ ว่าจับตัวลูกชายมาหรือไม่ ซึ่งตำรวจยืนยันว่าไม่ได้จับตัวมาแต่อย่างใด เพราะลูกชายมีอาการทางประสาท และไม่ได้แจ้งความคนหายไว้ เพราะคิดว่าลูกชายคงเดินทางไปหางานทำที่กรุงเทพฯ

กระทั่งมาพบเป็นโครงกระดูกในป่าแห่งนี้ ซึ่งห่างจากบ้านเพียง 100 เมตรเศษ โดยบ่ายวันนี้ขณะเดินเก็บผักหวานในป่า ต้องตกใจเพราะพบกระโหลกศีรษะมนุษย์ และเสื้อผ้า รองเท้า รวมทั้งเชือกที่ผูกเป็นปมกับกิ่งต้นไม้ ซึ่งตนจำได้แม่นว่าเป็นเสื้อผ้าของลูกชายที่สวมใส่ก่อนหายตัวไป และเชือกที่ใช้ผูกเปลที่หน้าบ้าน จึงนั่งดูอยู่นานราว 30 นาที ก่อนไปตามลูกสาวคนโตมาช่วยดู จนแน่ใจว่าเป็นโครงกระดูกของลูกชาย ก่อนพากันไปแจ้งกำนันช่วยแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ และไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชายในครั้งนี้ เพราะเชื่อว่าเป็นเวรกรรมและเขาทำบุญมาเพียงเท่านี้

"หลังจากลูกชายหายตัวไปราว 2 สัปดาห์ ตนได้ฝันเห็นลูกชายเดินเข้ามาในบ้าน แต่ไม่ยอมสบหน้าสายตาแม่ ตนจึงร้องเรียกชื่อเล่นลูกชาย (ต้อม) แต่ลูกก็ไม่หันหน้ามาและไม่ยอมตอบรับ ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านไป ก่อนจะสะดุ้งตื่น ตนรู้สึกเสียใจและสงสารลูกที่มาจบชีวิตตนเองแบบนี้ แต่ก็รู้สึกดีใจไปพร้อมกันที่พบโครงกระดูกลูกชาย และจะได้นำมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เขาในภพภูมิที่ดี เพราะหลังจากลูกชายหายตัวไปและติดต่อไม่ได้ หัวอกคนเป็นแม่ต้องทุกข์ใจคิดถึงลูกตลอดเวลา"

ด้าน พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุในเบื้องต้น ทางตำรวจและฝ่ายปกครองเชื่อว่า โครงกระดูกมนุษย์ที่พบเป็นของ นายศราวุธฯ ที่มีอาการทางประสาท หลังจากสอบสวนญาติที่ยืนยันอย่างมั่นใจ ตามวัตถุพยานหลักฐาน เช่นเสื้อผ้า รองเท้า และเชือกที่ใช้ผูกคอตาย ซึ่งคนที่พบโครงกระดูกคนแรกคือแม่ของผู้ตายเอง ไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อน อย่างไรก็ตามทางคดี ต้องส่งชิ้นส่วนโครงกระดูกและเส้นผมที่พบ ไปตรวจหาดีเอ็นเอว่าตรงกันกับแม่หรือไม่ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป