คดี รอง ผกก.ป.สภ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด ยิงเสี่ยโรงสีดับสยอง แย่งกรรมสิทธิ์บ่อปลาหัวไร่ปลายนาอยู่ติดกัน ถูกพนักงานสอบสวนตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีโทษหนักถึงประหารชีวิต พร้อมตั้งกก.สอบข้อเท็จจริง ผบ.ตร.เฝ้าจับตาตำรวจประพฤตินอกรีต

จากกรณีที่ พ.ต.ท.สุรเดช อัฐเสนา รอง ผกก.ป.สภ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด ก่อเหตุยิง นายอภิชาติ พาโคกทม อายุ 45 ปี เสี่ยเจ้าของโรงสีสนธยาค้าข้าว เสียชีวิต ถูกยิงด้วยปืนลูกซอง เนื่องจากมีปัญหาปมเรื่องแย่งกรรมสิทธิ์บ่อปลา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 5 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหา รอง ผกก.ป.สภ.เมยวดี จว.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหา ในฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามมาตรา 288 ระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุอันควร โดยทางต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว จะมีการตั้งกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการในทางวินัยและอาญากรณีดังกล่าวตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายต่อไป ไม่มีการให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำผิดอย่างแน่นอน

...

พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หน.หน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายระมัดระวังกิริยามารยาทในการแสดงออกและขอเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย อย่าลุแก่อำนาจที่ตนมี หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความประพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบกระทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าได้กระทำผิดจริงให้ดำเนินการทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด

อีกทั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฏชัดเจนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี.