รองโฆษก ตร. เผยสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ 2563 ช่วง 3 วันแรกลดจากปีที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตลดลง 37 คน คิดเป็นร้อยละ 44 สาเหตุอันดับ 1 ยังเป็นเมาสุรา วอนฉลองอย่ามีสติ ระมัดระวังป้องกันตัวเอง  

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 30 ธ.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการรักษาความปลอดภัย และการจัดการจราจรของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเทศกาลปีใหม่ 2563 ว่า


จากข้อมูลจากศูนย์อำนวยการและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ได้สรุปอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงวันที่ 27-29 ธ.ค.2562 มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ 531 ครั้ง ลดลง 112 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 17.42 จากในช่วงเดียวกันของเทศกาลปีใหม่ 2562 , มีผู้บาดเจ็บ 560 คน ลดลง 103 คน คิดเป็นร้อยละ 15.54 จากในช่วงเดียวกันของเทศกาลปีใหม่ 2562 และผู้เสียชีวิต 47 คน ลดลง 37 คน คิดเป็นร้อยละ 44.05 จากในช่วงเดียวกันของเทศกาลปีใหม่ 2562

สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ ขับรถในขณะเมาสุรา และขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ยานพาหนะที่เกิดเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ และรถกระบะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกพื้นที่จะกวดขันวินัยจราจรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ตาม 10 ข้อหาหลัก ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ที่สำคัญคือ ขับรถขณะเมาสุรา,ขับรถย้อนศร,ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร, ไม่แซงในที่คับขัน, ไม่สวมหมวกนิรภัย, ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

ในส่วนของ มาตรการทางกฎหมาย ในการขยายผล และการดำเนินคดีกับร้านค้าหรือสถานบริการ ที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนไปใช้บริการ ภายหลังเกิดอุบัติเหตุ โดยขับขี่รถขณะเมาสุรา ตั้งแต่วันที่ 27-28 ธ.ค. 62 ดำเนินการขยายผลไปแล้ว 11 ราย ดำเนินคดีในข้อหา จำหน่ายสุราให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 4 ราย , ข้อหา ยุยงส่งเสริมเด็กหรือเยาวชนดื่มสุรา จำนวน 3 ราย , ไม่เข้าข้อกฎหมาย จำนวน 2 ราย, เด็กเสียชีวิตไม่มีการขยายผล จำนวน 1 ราย

...

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า สำหรับโครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้านไว้กับตำรวจ) ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ระหว่างวันที่ 24-29 ธันวาคม 2562 มีประชาชนฝากบ้านไว้กับตำรวจทั่วประเทศ 7,468 หลัง มากกว่าช่วงปีใหม่ 2562 จำนวน 1,564 หลัง คิดเป็นร้อยละ 20.96 โดยผู้ที่ประสงค์จะร่วมโครงการสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้านท่านตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายน้อมนำพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทย ห้วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ตามมาตรการดูแลความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกการจราจร แก่พี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว ในทุกมิติรวมทั้งบูรณาการปฏิบัติงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ ทหาร ฝ่ายปกครอง จิตอาสาพระราชทานในทุกพื้นที่

อีกทั้ง ผบ.ตร. ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่เสียสละ กำลังกาย มีความอดทนในการปฏิบัติหน้าที่ทุกพื้นที่ ตามเส้นทางหลัก เส้นทางรอง สถานีขนส่ง จุดบริการประชาชนทุกแห่ง และขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี มีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ทยอยเดินทางกลับให้ครบทุกช่องทาง ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทางที่สถานีขนส่ง รถไฟสถานีรถไฟ และเครื่องบินสนามบิน โดยเฉพาะการจราจรทางถนนนั้นจะมีความหนาแน่นเป็นพิเศษ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายพร้อมให้บริการช่วยเหลือ และอำนวยการจราจรอย่างเต็มความสามารถและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อม บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ จิตอาสาพระราชทาน ทหาร ฝ่ายปกครอง ทั้งในภาครัฐและเอกชน

ในส่วนงานงานเฉลิมฉลองปีใหม่นั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ นอกเครื่องแบบ และอาสาสมัคร ร่วมออกปฏิบัติหน้าที่ สืบสวนหาข่าว เฝ้าระวังเหตุต่างๆ โดยเน้นย้ำให้ในมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เหตุก่อความไม่สงบ และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อย ความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่จะมีการจัดงานเคาต์ดาวน์ ขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมเป็นจำนวนมาก

"ขอความร่วมมือประชาชนให้ร่วมฉลองปีใหม่ด้วยความระมัดระวัง มีสติ มีขอบเขต และระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้น กับตัวเอง และครอบครัว ระบุ ห้ามยิงปืนเพื่อเฉลิมฉลอง ไม่ขับรถในขณะเมาสุรา และขอความร่วมมือสถานบริการ-สถานบันเทิง หรือภาคเอกชนที่จัดงาน ให้เคร่งครัด เรื่องการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้ในสถานบริการ รวมถึงการแสดงที่ส่อไปในทางลามกอนาจารด้วย หากประชาชนประสบเหตุหรือพบสิ่งผิดปกติ ไม่น่าไว้วางใจ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 ทั่วประเทศ หรือแจ้ง ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน police I lert you ได้ทันที"