รองโฆษก ตร.เผย พนักงานสืบสวนกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหา กรณีแชร์แม่มณี หลังหลอกประชาชนกว่า 50 ราย ร่วมลงทุน อ้างให้ผลตอบแทนสูง ชี้ อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน
เมื่อวันที่ 28 ต.ค.62 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ เหยื่อแน่นโรงพัก แจ้งเอาผิด เน็ตไอดอลสาว ‘แม่มณี’ ตั้งวงแชร์ลวงโลก รับดอกร้อยละ 93 ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย
เบื้องต้นได้รับรายงานจาก บก.ปอศ. ว่าได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์จากผู้เสียหายจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีประมาณ 50 กว่าราย จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการหลอกให้ลงทุนโดยจะให้ผลตอบแทนสูงร้อยละ 93 ต่อเดือนกับผู้ร่วมลงทุน ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลให้สำนักเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้อง สอบปากคำพยาน อีกทั้งฝ่ายสืบสวนพิสูจน์ทราบขยายผลถึงกลุ่มผู้ต้องหาว่ามีผู้ใดที่ร่วมในการกระทำความผิดบ้าง และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นการกระทำของผู้ต้องหาอาจเข้าข่ายในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5 และ 12 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี ปรับตั้งแต่ 500,000–1,000,000 บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการดำเนินคดีขณะนี้ บก.ปอศ.ได้ดำเนินการรับคำร้องทุกข์จากผู้เสียหายที่ทยอยเข้ามาแจ้งความ และดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกียวข้อง พิสูจน์ทราบผู้ต้องหาที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นห่วงประชาขน อย่าหลงเชื่อการลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนสูงเกินจริง และขอให้เก็บหลักฐานไว้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมให้รีบแจ้งความตามขั้นตอนของกฎหมายก่อนที่คดีจะขาดอายุความ
อีกทั้ง ผบ.ตร.ได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีความห่วงใยในกรณีดังกล่าวมาโดยตลอด พร้อมได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการปราบปรามและสืบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดในการหลอกลวง การฉ้อโกง ต้มตุ๋น มาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว นักลงทุน ที่ได้รับผลกระทบ
ผบ.ตร. ได้กำชับสั่งการให้กองบัญการทุกพื้นที่มีการปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่หลอกลวงประชาชนประเภทต่างๆ เป็นเหตุมีผู้หลงเชื่อและสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก เช่น หลอกลวงลงทุน หลอกลวงให้ขายสินค้าจากผู้มีชื่อเสียง หลอกซื้อทัวร์เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ, กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์, การกระทำในลักษณะที่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน เป็นต้น โดยในทุกคดีให้พนักงานสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมในการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับ และออกสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ต่อไป
พร้อมกันนี้ขอฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน นักลงทุน ขอให้พึงระลึกว่า “การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมากๆ ในเวลาสั้นๆ หรือของที่มีราคาถูกผิดปกติ ไม่มีอยู่จริง” นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดี ตรวจสอบข้อมูลการลงทุน ผู้ลงทุนต้องดูความน่าเชื่อถือของผู้ชักชวน บริษัทที่ประกอบกิจการ หลักทรัพย์ที่ใช้ในการค้ำประกัน การจ่ายผลตอบแทน งบดุล หรือตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่นวข้องเสียก่อน รวมทั้งให้ดูถึงพฤติการณ์ของผู้ชักชวน ผู้ประกอบการ หรือ นิติบุคคลโดยละเอียดและอย่าหลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมหลอกลวงดังกล่าวโดยง่าย
หากประชาชนมีข้อมูลเบาะแส สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่หมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 หรือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 โทรศัพท์ 0-2252 -7883-4 โทรสาร 0-2252-7881-2 สายด่วน 1155.
ข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
• ไร้เงา "แม่มณี" เท้าแชร์ร้อยล้าน ปิดบ้านเงียบ เหลือแต่หมาเห่าโหยหวน
• แห่แจ้งจับเน็ตไอดอล "แม่มณี" เบี้ยวแชร์ ที่อุดรฯ วันเดียว 39 ราย
...