(ภาพ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ หนึ่งในจำเลย)
อุทธรณ์ "จีทูจี" พิพากษาแก้เพิ่มโทษจำคุก บุญทรง อีก 6 ปี รวมจำคุก 48 ปี ขณะที่กลุ่มโรงสีเจอโทษจากยกฟ้อง ให้จำคุก-ปรับ 6 ราย แต่รอลงอาญา 3 ปี
ที่อาคารศาลฎีกา สนามหลวง เมื่อวันที่ 6 ก.ย. องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ นัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว และพวกรวม 28 คน คดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ
คดีนี้เมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาครั้งแรกให้ นายบุญทรง และจำเลยร่วมคนอื่นๆ รวม 15 ราย จำคุกคนละ 4-48 ปี และยกฟ้องกลุ่มเอกชน 8 ราย ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยบางคน และให้ลงโทษกลุ่มบริษัทโรงสีข้าว ขณะที่จำเลยก็ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามกฎหมายใหม่
เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้ให้คู่ความทั้งอัยการโจทก์, จำเลย, ทนายความ รวมทั้งกลุ่มญาติจำเลย ทยอยเข้าห้องพิจารณาตั้งแต่เวลา 11.00 น. เพื่อเตรียมรอฟังการอ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ที่จะเริ่มอ่านในเวลา 12.00 น. โดยศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 7 ชั่วโมง เสร็จสิ้นในเวลา 19.00 น.
พิพากษาแก้ จำคุกนายบุญทรง จำเลยที่ 2 เพิ่มอีกกระทงหนึ่ง เป็นเวลา 6 ปี รวมโทษจำคุกนายบุญทรงจากโทษเดิม 42 ปี เป็นจำคุกทั้งสิ้น 48 ปี และให้ลงโทษกลุ่มบริษัทโรงสี ได้แก่ นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท จำเลยที่ 26 และนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท เจียเม้ง จำกัด จำเลยที่ 28 คนละ 4 ปี พร้อมปรับคนละ 25,000 บาท
นอกจากนี้ ยังให้ปรับนิติบุคคล ซึ่งเป็นโรงสีอีก 4 ราย คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร จำเลยที่ 22, บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด โดยนายทวี อาจสมรรถ กรรมการ จำเลยที่ 24, บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด จำเลยที่ 25 และบริษัท เจียเม้ง จำกัด จำเลยที่ 27 อีกรายละ 25,000 บาท โดยที่การกระทำของนายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 23 เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษ 2 กะทง รวมจำคุกจำเลยที่ 23 จำนวน 8 ปี และปรับ 50,000 บาท โดยที่พฤติการณ์ของกลุ่มโรงสี จำเลยที่ 23, 26, 28 นั้น เห็นสมควรให้รอลงอาญาไว้คนละ 3 ปี
...
ยังให้กลุ่มโรงสีจำเลยที่ 22-23 ชดใช้เงิน 27 ล้านบาทให้กับกระทรวงคลัง, จำเลยที่ 25-26 รวมกันชำระเงิน 15 ล้านบาท และจำเลยที่ 27-28 ให้ร่วมกันชดใช้เงิน 55 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ได้มีการกำหนดในคำพิพากษานี้ตามที่อัยการสูงสุด โจทก์ ยื่นอุทธรณ์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษา
โดยวันนี้องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของจำเลยแต่ละคนตามคำพิพากษาแล้ว พร้อมออกคำบังคับการชดใช้ค่าเสียหายในส่วนแพ่งให้กับกระทรวงการคลังตามคำพิพากษาด้วย.