กองปราบฯ บุกรวบหนุ่มพิจิตร ขณะกำลังเล่นฟุตบอลกับพวก หลังร่วมแก๊งชาวเวียดนามอ้างตัวเป็น “พ่อมดคริปโตเคอเรนซี่” หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเงินดิจิตอลขั้นเทพ ตุ๋นลงทุนเงินสกุลดิจิตอล “วันคอยน์-บิตคอยน์-ริปเปิล” สูญกว่า 500 ล้าน

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.62 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ อำไพจิตร พ.ต.ต.จักรี กันธิยะ สว.กก.4 บก.ป. ร.ต.อ.พร้อมพล นิตย์วิบูลย์ รอง สว.กก.4 บก.ป. ด.ต.นิติธร ประชันกาญจนา ผบ.หมู่ กก.4 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายมานะ จูเมือง เจ้าของฉายา “พ่อมดคริปโตเคอเรนซี่” อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 ถ.นอกทางรถไฟ ต.ในเมือง อ.ในเมือง จ.พิจิตร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิจิตร ที่ จ.171/2562 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง จับได้สนามฟุตบอล พระราม 9 ฟุตซอล ถ.พระราม 9 แขวงและเขตห้วยขวาง ขณะผู้ต้องหากำลังเล่นฟุตบอลกับพวก เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2561 ต่อเนื่องปี 2562 นายมานะ หัวหน้าแก๊งได้ร่วมกับพวกคนไทยและชาวเวียดนาม รวม 7 คน แบ่งเป็นคนไทย 3 คนและชาวเวียดนาม 4 คน รวมตัวกันไปก่อเหตุหลอกลวงประชาชนทั้งชาวไทย ชาวเวียดนาม เกาหลีใต้ และชาวต่างชาติต่างๆ ในเอเชียประมาณ 10 ประเทศ ให้ร่วมลงทุนเงินสกุลดิจิตอลต่างๆ เช่น วันคอยน์ บิตคอยน์ ริปเปิล และอีเทอเรียม เป็นต้น โดยใช้สถานที่พิพิธภัณฑ์บ้านดง โฮจิมินห์ ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไทย-เวียดนาม ตั้งอยู่ใน ต.ป่ามะคาบ อ.เมืองพิจิตร เพื่อเป็นแหล่งจูงใจให้กับคนเวียดนามนำเงินมาลงทุน

ทั้งนี้กลุ่มผู้ต้องหาได้อ้างตัวนักค้าเงินดิจิตอล-เทรดสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี่ โดย นายมานะ อ้างตัวเป็น “พ่อมดคริปโตเคอเรนซี่” หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเงินดิจิตอลขั้นเทพ ก่อนจะเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจร่วมลงทุนสกุลเงินดิจิตอลหลายสกุล อ้างว่าได้กำไรดี ลงทุนเงินเพียง 200 วัน จะได้กำไรทันที 400%

...

ทั้งนี้กลุ่มผู้ต้องหายังเน้นเชิญชวนชาวบ้านให้ลงทุนในสกุลเงินวันคอยน์ โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศเตือนการถือครองเงินสกุลวันคอยน์มาแล้วว่า มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกฉ้อโกง ขณะที่แก๊งคนร้ายได้หลอกคนไทยและต่างชาติว่า หากถือครองเงินสกุลวันคอยน์ ในอัตราการแลกเปลี่ยน 1,000,000 บาท จะแลกเงินดิจิตอลได้ 100,000 เหรียญวันคอยน์ แล้วสร้างแรงจูงใจด้วยการโฆษณาว่า หากสะสมเหรียญวันคอยน์ครบตามกำหนด จะนำไปแลกสินค้าต่างๆ ได้ เช่น 10,000 เหรียญวันคอยน์ สามารถแลกทองคำน้ำหนัก 1 บาท หรือ 1,000,000 เหรียญวันคอยน์ สามารถแลกรถเบนซ์ได้ 1 คัน หรือนำไปแลกบ้านเดี่ยวได้อีกด้วย

นอกจากนี้ในระหว่างที่สะสมเหรียญวันคอยน์ ถ้าครบตามกำหนดระยะเวลาจะมีการปันผลให้อีกส่วนหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านทั้งคนไทยและชาวต่างชาติหลงเชื่อจำนวนหลายพันคน ต่างร่วมลงทุนไปรวมเป็นเงินกว่า 500 ล้านบาท ช่วงแรกชาวบ้านได้รับเงินปันผลจริง แต่ต่อมากลับไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากกลุ่มคนร้าย จนบรรดาผู้เสียหายเริ่มเกิดความสงสัยว่าจะถูกต้มตุ๋น รวมทั้งเมื่อพยายามติดต่อตามหากลุ่มผู้ต้องหากลับไม่พบตัวและติดต่อไม่ได้ ก่อนจะรวมตัวกันไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายพื้นที่ จนพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับไว้ กระทั่งมาถูกชุดสืบสวน กก.4 บก.ป. จับกุมตัวได้ในที่สุด

มีรายงานว่า ชุดสืบสวนกองปราบ พบว่ากลุ่มคนร้ายนี้ ประกอบด้วย ชาวเวียดนาม 4 คน และชาวไทย 3 คน แบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการชัดเจนมีทั้งคนเปิดบัญชี คนเจรจาหลอกลงทุน และคนคุมเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เป็นต้น โดยขณะนี้ชุดสืบสวนกองปราบปราม กำลังติดตามจับกุมคนไทยที่ร่วมขบวนการอีก 2 คนที่เหลือ ส่วนชาวเวียดนามทั้งหมดที่ร่วมขบวนการ มีข้อมูลว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว สำหรับเงินที่หลอกเหยื่อได้ กลุ่มผู้ต้องหาได้นำไปซื้อที่ดินใน จ.พิจิตร ไว้บางส่วน ขณะนี้กำลังส่งเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินและยึดทรัพย์สินของคนร้ายต่อไป

เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหารายนี้ให้การภาคเสธ ยอมรับว่าเป็นคนในหมายจับจริงแต่ไม่ได้กระทำความผิด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร ดำเนินคดีต่อไป พร้อมเร่งติดตามผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด.