ตร.อุดรธานี ซ้อนแผนจับผัวโหดก่อเหตุกระทืบเมียดับตามหมายจับ อ้างโมโหผู้ตายลักเงินและด่าบุพการีจึงทำรุนแรง แต่พอได้สติก็อาการหนักแล้ว รู้สึกเสียใจมากก่อนก้มกราบญาติพ่อแม่และอัฐิเมีย... 

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2562 ที่กองกำกับสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธ์ ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.สรายุทธ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายกิตติ หนูกลาง อายุ 42 ปี ชาวบ้าน หมู่ 12 บ้านใหม่ศรีวิไล ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 79/2562 ลงวันที่ 14 เมษายน ข้อหา “มิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย” ได้ที่บ้านโคกกุง ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 8 เมษายน ร.ต.อ.เปรม เตรียมตัว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากศูนย์กู้ชีพ รพ.ศูนย์อุดรธานี ว่า น.ส.กรวิภา ดีน้อย อายุ 34 ปี ชาวบ้าน หมู่ 7 ซอยโนนพิบูลย์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเลือดออกในช่องท้องและสมอง อาการโคม่า ส่วนผู้นำส่งโรงพยาบาลเป็นชาย 2 คน แต่ได้หลบหนีไป แพทย์ได้ผ่าตัดรักษาและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจกล้องวงจรปิด พบว่านายกิตติ สามีและนายเอกชัย หนูกลาง อายุ 32 ปี น้องชาย เป็นคนนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล จึงเชิญตัวนายเอกชัยมาสอบถาม ทราบว่านายกิตติ ทะเลาะมีปากเสียงและทำร้ายร่างกายผู้ตายจนหมดสติ ก่อนโทรเรียกให้ขับรถมารับผู้ตายส่งโรงพยาบาล แล้วหลบหนีไป จึงรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ

พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 เมษายน พ.ต.ต.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี นำกำลังพร้อมหมายจับ เข้าจับกุมนายกิตติ ได้ที่ถนนกลางบ้านโคกกุง ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู โดยนายกิตติ ได้ให้เพื่อนติดต่อเหมารถตู้เพื่อเดินทางหลบหนีไปกรุงเทพฯ ตำรวจจึงได้ซ้อนแผน ด้วยการให้ ด.ต.ศักดิ์ชัย จันทรวิจิตร ผบ.หมู่ สส.ภ.จ.อุดรธานี ปลอมตัวเป็นคนขับรถตู้ไปรับนายกิตติที่ถนนหลังหมู่บ้านโคกกุง และเมื่อถึงเวลานัดหมาย พบนายกิตติได้ออกมาจากที่หลบซ่อนมาขึ้นรถตู้ไปกรุงเทพฯ เมื่อเปิดประตูรถตู้ พบตำรวจที่นั่งอยู่เต็มรถ พร้อมแสดงหมายจับเข้าควบคุมตัว นายกิตติถึงกับหน้าซีดเข่าอ่อนทรุดนั่ง ตำรวจจึงควบคุมตัวมาโรงพักทำการสอบสวน 

...

จากการสอบสวนนายกิตติให้การรับสารภาพว่า ตนแยกทางกับภรรยาเก่า ซึ่งมีลูกด้วยกัน 2 คน และมาอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้ตายประมาณ 7 ปี ตนกับผู้ตายทะเลาะมีปากเสียงกันมาตลอดตามประสาผัวเมีย เมื่อทะเลาะกันเพราะความโมโห เมื่อหายโมโหตนก็ตามไปง้อเมีย หรือซื้อยามาให้กิน ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายลักเงินตน 5,000 บาท ตนจับได้เพราะเงินอยู่ในกระเป๋าผู้ตาย จึงมีปากเสียงทะเลาะกัน ผู้ตายได้ด่าถึงบุพการีตน ทำให้ตนโมโหสุดขีดลืมตัวทำร้ายผู้ตายรุนแรง เมื่อหายโมโหตนได้ไปซื้อยามาให้ผู้ตายกิน แต่ผู้ตายบอกกับตนว่าไม่ไหวแล้ว จากนั้นก็หมดสติ ตนจึงโทรศัพท์เรียกให้น้องชายขับรถมารับไปส่งโรงพยาบาล 

หลังจากส่งผู้ตายเข้าโรงพยาบาลแล้ว ตนได้กลับมาบ้านเพื่อดูแลลูก พอตื่นเช้าตนจะกลับมาเยี่ยม ก็ทราบว่าเมียตายแล้ว รู้สึกเสียใจและตกใจ จึงหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่บนภูพานน้อย ติดบ้านโคกกุง ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งตนมีเพื่อนอยู่ที่นั่น อาศัยนอนและกินกับชาวบ้านที่ขึ้นไปตัดฟืนหาของป่า ต่อมาตนได้โทรศัพท์มาหาเพื่อนบอกให้ติดต่อเหมารถตู้ไปส่งที่กรุงเทพฯ ซึ่งเพื่อนโทรบอกตนว่าติดต่อรถตู้ได้แล้ว จะมารับเย็นวันที่ 23 เมษายน ที่หลังหมู่บ้าน เมื่อถึงเวลานัดหมายตนได้นั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์เพื่อนมาขึ้นรถตู้ที่จอดรอ เมื่อเปิดรถตู้จะขึ้นรถ ก็พบเป็นตำรวจเข้ามาจับกุม 

จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวนายกิตติ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้าน ซึ่งมีญาติและชาวบ้านมามุงดู ซึ่งนายกิตติได้ร้องไห้กอดแม่และพี่สาว พร่ำบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วได้ควบคุมตัวกลับโรงพัก ซึ่งนายชูชาติ ดีน้อย อายุ 65 ปี และนางอินถวา ดีน้อย อายุ 58 ปี พ่อและแม่ น.ส.กรวิภา ได้ถือกระปุกอัฐิผู้ตายมาดูหน้าลูกเขยถึงโรงพัก ซึ่งนายกิตติได้ร้องไห้กอดกระปุกบรรจุอัฐิเมีย พร้อมก้มกราบขอขมาและสำนึกผิด ซึ่งทั้งสองได้กล่าวอโหสิกรรมให้ แต่ให้เป็นไปตามกฎหมาย.