"บิ๊กโจ๊ก" ฟิตแถลงจับ 3 คดีรวด ทั้งล่อซื้ออุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า แก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกเหยื่อโอนเงิน 2.5 แสน และรวบหนุ่มไต้หวันลวงสาวไทยทำงานนั่งดริงก์ ที่ไหนได้บังคับค้ากาม ขัดขืนเจ็บตัว

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 มี.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. แถลงจับกุมผู้ต้องหา 3 คดีสำคัญ โดยคดีแรก จับกุมผู้ต้องหาจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย จำนวน 8 ราย ได้แก่ นายพีรเทพ ภารัตภูมิกุล อายุ 24 ปี, นายเกรียงไกร พรหมจันทร์ อายุ 28 ปี, นางปรีญานันท์ พีรวิชญ์อธิกร อายุ 54 ปี, นายชัยพร พลวัฒนะ อายุ 24 ปี, นายสุรชาติ สมบุญสุข อายุ 59 ปี, น.ส.สุชาดา ดารามัน อายุ 36 ปี, น.ส.วรารัตน์ แซ่ว่อง อายุ 28 ปี, นายภัธกฤต สุนทราศรี อายุ 28 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางตัวบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาจำนวนมาก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการจับกุมผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าตลาดคลองถมและตลาดนัดกลางคืน จำนวน 2 ครั้ง จับกุมร้านค้าได้ทั้งหมดจำนวน 30 ร้านค้า ผู้ต้องหาจำนวน 23 คน ของกลางทั้งหมดรวม 4,025 รายการมูลค่ารวมกันประมาณ 925,000 บาท จึงทำการขยายผลล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าที่จำหน่ายตามสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ฯลฯ มากกว่า 10 เพจ จึงได้ดำเนินการสืบหาข้อมูลพบผู้จำหน่าย จำนวน 13 ราย และติดตามจับกุมได้ 8 ราย อยู่ระหว่างติดตาม 5 ราย

...

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร และร่วมกันฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 เรื่องห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.จักรวรรดิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

คดีที่ 2 จับกุม นายชินากอรอม เชดรัก อันยานยู ชาวไนจีเรีย อายุ 30 ปี น.ส.ภูศณิษา กิจเกตุ อายุ 36 ปี สองสามีภรรยา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และแจ้งนายชินากอรอม เพิ่มอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้บริเวณหน้าคอนโดมิเนียมเอลิชชา เรียลเอสเตท หมู่ 9 ซอยแบริ่ง 33 ถนนสุขุมวิท 107 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า มี น.ส.เมย์ อายุ 36 ปี ผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์กับเจ้าพนักงาน สภ.วังม่วง จ.สระบุรี แล้วประสานกับ ศปอส.ตร. ว่าถูกแก๊ง Romance Scam หลอกลวงได้รับความเสียหายรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 250,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน ศปอส.ตร. จึงเริ่มติดตามความเคลื่อนไหวทราบว่ากลุ่มนี้ที่ได้สร้างโปรไฟล์ในเฟซบุ๊ก เป็นหนุ่มฝรั่ง ลักษณะดี สร้างภาพชวนฝันให้สาวๆ ได้หลงใหลแล้วพูดคุยกัน เมื่อสนิทสนมมีการหลอกลวงว่าจะส่งของมาให้จากต่างประเทศ ต่อมาได้มีคนร้ายเป็นหญิงโทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร และแจ้งว่าหากจะนำของดังกล่าวออกมาจะต้องมีค่าใช้จ่าย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชี นายพิเช็ฐ ชัยภูมิ จำนวน 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 250,000 บาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายที่ไปกดเงินดังกล่าวออกจากบัญชี คือ น.ส.ภูศณิษา จึงได้ขออนุมัติออกหมายจับ น.ส.ภูศณิษา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 46/2562 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2562 นายพิเช็ฐ ชัยภูมิ ตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 47/2562 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2562 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 62 ได้ทำการจับกุม น.ส.ภูศณิษา กิจเกตุ และในสถานที่จับกุมได้พบ นายชินากอรอม เชดรัก อันยานยู ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.ภูศณิษา จากการตรวจสอบภายในห้องพักพบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กซึ่งมีข้อมูลเฟซบุ๊ก เป็นการสนทนาในลักษณะ Romance Scams จึงเชื่อนายชิชินากอรอม มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี และพบว่าอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ ดำเนินการ ส่วนนายพิเช็ฐ ชัยภูมิ เชื่อว่าถูกจ้างมาให้เปิดบัญชี จะติดตามตัวจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

...

ส่วนคดีที่ 3 จับกุม นายเว่ย ซู่ ฮาว (WEI TZU-HAO) อายุ 26 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 420/2562 ลง 14 มีนาคม 2562 ข้อหาสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ จับกุมได้ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ซอยเจริญนคร 5 ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กทม.

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อประมาณต้นเดือน พ.ย. 61 สามารถเข้าช่วยเหลือสาวไทยถูกหลอกไปขายบริการทางเพศที่ไต้หวัน หลังผู้เสียหายได้เข้าเพจเฟซบุ๊ก “ไม่เลือกงาน ไม่อดตาย” และได้พบ น.ส.กิ๊ก เสนอให้ไปทำงานเด็กนั่งดริงก์ที่ไต้หวัน โดยมี น.ส.แจ๊ส เป็นผู้ดำเนินการซื้อตั๋วเครื่องบินส่งผู้เสียหายไปทำงาน เมื่อถึงไต้หวันแล้ว นายเว่ยกับพวกได้บังคับให้ค้าประเวณี เมื่อไม่ยอมก็ถูกทำร้ายร่างกาย ต่อมาผู้เสียหายได้ติดต่อกับญาติที่ประเทศไทยให้มาแจ้งเหตุดังกล่าวที่ ศปอส.ตร. และประสานงานกับตำรวจไต้หวันและสถานกงสุลไทยในไต้หวันช่วยเหลือออกมาได้

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นวันที่ 14 ม.ค. 62 สามารถจับกุม น.ส.กิ๊ก และ น.ส.แจ๊ส ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2885-2886/2561 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2561 ข้อหาผู้ใดเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ได้ที่กลางซอยเล่งกี่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลทราบว่าขบวนการค้าประเวณีข้ามชาติไทย-ไต้หวัน ได้ใช้แอปพลิเคชันวีแชทเป็นช่องทางในการติดต่อในการกระทำความผิด จึงได้ประสานงานกับตำรวจไต้หวันร่วมกันสืบสวนจนทราบว่า นายเว่ย จะเดินทางมาประเทศไทย จึงได้ร่วมกันจับกุมนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.