สลดส่งท้ายปีเก่า ฆ่ายกครัว 3 ศพ ในพื้นที่ อ.เชียงดาว เผยเศรษฐีเจ้าของตลาดเกิดความเครียดสะสมมานาน ทั้งโรคประจำตัวรุมเร้าและปัญหาภายในบ้าน ลากค้อนย่องทุบหัวเมียและลูกชายดับสยอง ก่อนผูกคอตายตาม

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 18 ธ.ค.61 ร.ต.อ.ฐิติกร แสนกันทะ รอง สว.สอบสวน สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเกิดเหตุฆ่ากันตาย มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ที่บ้านเลขที่ 382 หมู่ 4 บ้านวังจ้อม ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว อยู่ภายในตลาดวังจ๊อม จึงได้รายงานให้ พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ยะปาละ ผกก.สภ.เชียงดาว และ พ.ต.ท.ปนาวุธ โชติพงศ์ สวป. พร้อมชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์เวร รพ.เชียงดาว เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงพบชาวบ้านได้มามุงดูเหตุการณ์บริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านพักอยู่ภายในตลาด โดยแบ่งเป็นห้องแถว พบศพแรกอยู่หน้าห้อง คือ นายพิรุณ บุญขวาง อายุ 66 ปี สภาพศพใช้เชือกไนล่อนผูกคอตัวเองโดยใช้ถุงดำสวมศีรษะไว้อีกชั้น มีบันไดเหล็กที่ใช้ขึ้นไปผูกคอตั้งอยู่ข้างศพ และภายในห้องนอนแบ่งเป็น 3 ห้องติดกัน พบศพของนางจันทร์ดี บุญขวาง อายุ 56 ปี ภรรยาของนายพิรุณ นอนอยู่ในมุ้งสีขาว คลุมผ้าห่ม สภาพศพที่บริเวณศีรษะมีร่องรอยถูกทุบด้วยของแข็งจนเละ

ถัดไปอีกห้อง พบศพนายสุวพันธ์ บุญขวาง อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของนายพิรุณ กับ นางจันทร์ดี นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน ที่ศีรษะมีรอยถูกทุบด้วยของแข็งจนมีแผลฉกรรจ์หลายแผล เลือดทะลักไปทั่วบริเวณ ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้และรื้อค้นทรัพย์สิน

นอกจากนี้ทางตำรวจพบค้อนเหล็กเปื้อนเลือด อาวุธที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ข้างเตียงนายสุวพันธ์ ขณะที่ภายในห้องของนายพิรุณพบจดหมายลาตาย

ด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ยะปาละ ผกก.สภ.เชียงดาว เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพยานและหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นจดหมายลาตาย พอจะระบุถึงสาเหตุมาจากความเครียดของนายพิรุณ ที่ป่วยเป็นโรคประจำตัวหลายโรค และลูกชายก็ติดสุราเรื้อรังมีปัญหากันมาตลอด จนเกิดความเครียดสะสม ก่อนจะก่อเหตุนั่งเขียนจดหมายพูดถึงสาเหตุต่างๆ ซึ่งมีอยู่ข้อความหนึ่งมีเนื้อหาประมาณว่า “เมื่อร่วมกันก่อเรื่อง ก่อปัญหามาด้วยกัน ก็ต้องไปด้วยกัน” จึงได้ก่อเหตุในครั้งนี้ โดยใช้ค้อนเหล็กทุบหัวภรรยาก่อน และเดินไปที่ห้องลูกชายที่กำลังนอนหลับสนิท ใช้ค้อนทุบหัวเป็นคนที่ 2 ก่อนที่จะเดินออกมานอกห้องตัดสินใจผูกคอตายตามภายหลัง

...

“ส่วนเรื่องปัญหาหนี้สินไม่น่าจะใช่ เพราะนายพิรุณเป็นถึงเจ้าของตลาด เป็นคนมีฐานะอยู่แล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ทางญาติได้มาดูที่เกิดเหตุก็ไม่ได้ติดใจสงสัยในการเสียชีวิตครั้งนี้ จึงได้นำศพส่งพิสูจน์ก่อนส่งมอบให้ญาตินำไปทำบุญตามประเพณีต่อไป”.