ตม.สงขลา รวบแก๊งทำวีซ่าปลอมเข้าในราชอาณาจักร เผยทำมานานกว่า 5 ปี โดยสนทนาผ่านไลน์กับลูกค้า มีทั้ง ไนจีเรีย ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ด้าน "ผกก.ชู" เตือนอย่าหลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างว่า สามารถอำนวยความสะดวกได้ ตม.ไม่มีนโยบายดังกล่าว และถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ...
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ต.ค.61 พ.ต.อ.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ผกก.ตม.จว.สงขลา พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบ ตม.สงขลา ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายกันตภณ บูยูโซ๊ะ อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 109/39 หมู่ 2 ถนนไร่ออก ต.สำนักขาม อ.สะเดา สงขลา พร้อมตราประทับของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทยและของต่างประเทศรวม 13 ดวงตรา และของกลางอื่นที่ใช้ในการกระทำผิด 36 รายการ เช่น พาสปอร์ต 11 เล่ม โทรศัพท์ 2 เครื่อง บัญชีธนาคาร 6 เล่ม และสมุดบันทึกรายชื่อลูกค้า 1 เล่ม
พ.ต.อ.ชูธเรศ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. และพล.ต.ต.เจษฎา ใยสุ่น ผบก.ตม.6 สั่งการให้ตม.สงขลา และตม.สะเดา ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากที่ตำรวจตรวจเข้าเมืองจับกุมนายโทมัส คราส สัญชาติ เซียร์ราลีโอน ใช้วีซ่าปลอมอยู่เกินกำหนดมาติดต่อประทับตราเข้า-ออกราชอาณาจักรโดยไม่ต้องเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทำการขยายผล พร้อมให้การว่าได้ว่าจ้างนายแม็กซ์ เป็นชาวสะเดา ทำวีซ่าให้ในราคา 30,000 บาท
...
ตำรวจตม.จึงขออนุมัติหมายจับ นายแม็กซ์ หรือกันตภณ บูยูโซ๊ะ พร้อมของกลางทั้งหมด และให้การรับสารภาพ ว่ารับจ้างทำวีซ่าประทับตราหนังสือเดินทางปลอมให้กับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ชาวกัมพูชา ชาวลาว และคนดำจากทวีปแอฟริกา ในราคา 20,000 - 30,000 บาท โดยใช้การติดต่อผ่านโปรแกรมไลน์ ทำทีบอกว่าเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสะเดา และบางทีก็บอกว่ารู้จัก ตม.สะเดา สามารถทำวีซ่าให้พำนักอยู่ในประเทศไทยได้ระยะยาว ให้ลูกค้าโอนเงินมาให้ก่อนพร้อมส่งพาสปอร์ตมาให้ ทำการประทับตราปลอมเสร็จแล้วส่งกลับทางไปรษณีย์ไปให้ลูกค้า ที่ผ่านมาทำมาแล้วหลายรายตั้งแต่ปี 2013 มีรายได้ดีจึงทำมาโดยตลอด
ตม.สงขลา จึงขอฝากเตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างว่าสามารถอำนวยความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางทุกรูปแบบ และเรียกเก็บค่าบริการโดยอ้างว่านำไปให้เจ้าหน้าที่ตม. ซึ่งทาง สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่มีนโยบายดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ทางตม.ได้ปฏิเสธให้คนดำหรือบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศเดือนละกว่า 200 คน.
