ฆ่าสุดโหดหนุ่มใหญ่ รปภ.ร้านอาหาร ผู้ตายกางเต็นท์นอนเฝ้าร้านที่ใช้เรือเอี้ยมจุ๊น ดัดแปลงเป็นร้านจอดริมแม่น้ำป่าสักกลางเมืองกรุงเก่า คนร้ายนั่งเรือยนต์จอดเทียบท้ายเรือร้านอาหาร ก่อนปีนขึ้นไปบนเรือพบเหยื่อนอนอยู่กลางร้าน ใช้ของแข็งรุมทุบตีใบหน้าบวมปูดสลบเหมือดก่อนไปสิ้นใจตายที่โรงพยาบาล ตำรวจพุ่งปมคนร้ายหมายลักทรัพย์ พอเห็นผู้ตายนอนเฝ้าร้านเลยรุมทุบทำร้ายจนตายอนาถ ขณะที่ปมขัดแย้งส่วนตัวยังไม่ตัดทิ้ง
หนุ่มใหญ่ รปภ.ร้านอาหารถูกฆ่าตายอนาถรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. ร.ต.อ.เสนีย์ พาชอบ รอง สว. (สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่ร้านอาหารชื่อร้าน “บ้านแสนสุข@อโยธยา” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก หมู่ 11 ต.กระมัง จึงนำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่วิทยาการ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบใช้เรือเอี้ยมจุ๊นดัดแปลงทำเป็นร้านอาหาร จอดอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก บนเรือมีเต็นท์พับเก็บได้กางอยู่ 1 หลัง มีรอยเลือดหยดภายในเต็นท์และบนพื้นเรือจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนแล้วและเสียชีวิตภายหลัง ทราบชื่อคือนายศิริยนต์ มณีรัตน์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 218 หมู่ 4 ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ใบหน้าถูกทุบทำร้ายเขียวช้ำบวมปูดเลือดทะลักออกปากจมูกจำนวนมาก
จากการสอบสวนนายประสาน จันทร์ทสาร อายุ 33 ปี ผู้ช่วยกุ๊กร้านอาหาร ให้การว่า ผู้ตายทำงานเป็น รปภ. ที่ร้านอาหารมานานร่วม 5 เดือนแล้ว ที่ผ่านมาผู้ตายไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร ก่อนหน้านี้มีคนร้ายแอบล่องเรือมาขโมยของบนเรือได้ทีวีจอแบนที่ติดตั้งไว้บนเรือไปจำนวน 2 เครื่อง ทางร้านจึงให้ผู้ตายนอนเฝ้าบนเรือเพื่อช่วยสอดส่องดูแลร้าน ประมาณห้าทุ่มของคืนที่ผ่านมาหลังร้านปิดผู้ตายกางเต็นท์บนเรือในร้านเพื่อนอนเฝ้าของเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา กระทั่งใกล้เที่ยงวัน พนักงาน มาทำงาน พบผู้ตายถูกทุบทำร้ายใบหน้าบวมปูดเลือดทะลักออกปากจมูกเต็มนอนหายใจรวยรินบนพื้นข้างเต็นท์ รีบช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลจนเสียชีวิตดังกล่าว
...
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางร้าน พบเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. วันเดียวกัน กล้องบันทึกภาพเห็นแสงไฟ คาดน่าจะเป็นแสงไฟจากเรือยนต์ของคนร้ายขับมาจอดเทียบช่วงท้ายของเรือร้านอาหาร จากนั้นคนร้ายคาดมีด้วยกัน 2 คน ปีนขึ้นมาบนเรือ แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นหน้าคนร้ายไม่ชัดเนื่องจากอยู่ในระยะห่างไกลจากกล้อง และค่อนข้างมืด ทำให้เห็นแค่แสงไฟของเรือ หลังคนร้ายขึ้นมาบนเรือแล้วใช้ของแข็งรุมทุบศีรษะและใบหน้าเหยื่อจนสลบเหมือด ก่อนคนร้ายรีบเดินลงเรือขับหนีไป
จากพยานหลักฐานเจ้าหน้าที่ประมวลเหตุการณ์ลงความเห็นว่า คนร้ายนั่งเรือยนต์มาจอดเทียบท้ายเรือร้านอาหารแล้วปีนขึ้นเรือหมายขโมยทรัพย์สินภายในร้าน แต่พอเห็นผู้ตายกางเต็นท์นอนเฝ้าร้านเลยลงมือทุบทำร้ายจนสลบเหมือดและคิดว่าเหยื่อเสียชีวิตแล้ว ด้วยความตกใจคนร้ายพากันรีบหลบหนีโดยไม่ได้ทรัพย์สินใดติดมือไป ขณะที่ปมขัดแย้งส่วนตัวกับเรื่องชู้สาวก็ยังไม่ตัดทิ้ง จะได้สอบสวนคลี่คลายคดีให้แน่ชัดอีกครั้ง