ศาลเลื่อนนัด “วีระ” มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.กับพวก รวม 10 คน ตรวจหลักฐานในคดีชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล และที่พัทยา เมื่อปี 52 เป็น 31 ก.ค. 61 ด้าน “ณัฐวุฒิ” เผย แกนนำ นปช. ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลให้รวมคดี และร้องให้ “อภิสิทธิ์” นำผลการตรวจสอบประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนมาเปิดเผย

เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 28 พ.ค. 61 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัว นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มายังศาลอาญา หลังศาลนัดตรวจหลักฐานในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีระกานต์ หรือ “วีระ” มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. กับพวก รวม 10 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 3 ข้อหา จากกรณีที่พวกจำเลยจัดการชุมนุมปราศรัยบนเวทีให้แนวร่วม นปช. ฟัง บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล และที่ พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อปี 2552 ส่วนนายวีระกานต์ หรือ วีระ มุสิกพงศ์, นพ.เหวง โตจิราการ และนางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช. และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมพวก รวม 10 คน ที่ได้รับการประกันตัวไป ได้เดินทางมาตามนัดของศาลด้วยเช่นกัน

...

โดยศาลได้เลื่อนนัดการตรวจพยานหลักฐานไปเป็นวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 เนื่องจากจำเลยบางคนยังไม่มีทนาย บางคนทนายไม่ว่าง รวมถึงอาจจะนำคดีของนายอดิศร เพียงเกษ ซึ่งเป็นคดีเดียวกัน แต่รายงานตัวไม่พร้อมกัน มารวมเป็นคดีเดียวกันอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ ภรรยา และลูกชาย รวมทั้งบุคคลใกล้ชิดเกือบ 20 ราย ได้เดินทางมาให้กำลังใจ นายจตุพร พรหมพันธุ์ รวมทั้งได้พูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ของนายจตุพร ระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ ซึ่งนายจตุพรมีใบหน้าท่าทางยิ้มแย้ม แต่น้ำหนักลดลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ส่วน นายณัฐวุฒิ, นายวีระกานต์ และ นพ.เหวง แกนนำ นปช.ต่างยกมือไหว้ และพูดคุยกับนายจตุพรเช่นเดียวกัน

โดย นายณัฐวุฒิ เปิดเผยก่อนขึ้นฟังการพิจารณาว่า ในวันนี้เป็นการนัดตรวจพยานหลักฐาน โดยพวกตนได้เคยทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด ให้พิจารณาเกี่ยวกับคดีนี้ ว่ามีผู้ถูกกล่าวหาหลายคน ถูกแจ้งข้อหาซ้ำซ้อน ทั้งที่เป็นคดีเดียวกัน ถูกแจ้งข้อหาทั้งที่กรุงเทพฯ และพัทยา ซึ่งเรื่องกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาของอัยการสูงสุด ยังไม่ได้รับคำตอบ

อย่างไรก็ตาม ทีมทนายความ ก็ได้เตรียมบัญชีพยาน นำมาชี้แจงศาลในวันนี้ และเราจะเดินหน้าสู้คดีต่อไป โดยการชุมนุมในครั้งดังกล่าวเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และแกนนำเป็นผู้ประกาศยุติการชุมนุมด้วยตนเอง ส่งผู้ชุมนุมกลับบ้านจนหมด จึงไปมอบตัวที่ สน.ดุสิต ซึ่งในขณะนั้น คณะกรรมการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีมติดำเนินการกับกลุ่มของตนแต่อย่างใด ซึ่งเวลาผ่านมาแล้วกว่า 8 ปี

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พัทยา ในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ปี 2552 มีนัยสำคัญ คือ การปรากฏตัวของกลุ่มชายเสื้อน้ำเงิน ที่อยู่ปะปนกับเจ้าหน้าที่ มีความพยายามทำร้ายคนเสื้อแดง เป็นสาเหตุของการบุก โรงแรมรอยัลคลิปบีช ซึ่งความจริงในส่วนนี้มีการนำมาใช้ประกอบการพิจารณาคดีหรือไม่ รวมถึงหลังเหตุการณ์ในครั้งนั้น รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีการตั้งคณะกรรมการค้นหาความจริง แต่ผลของการตรวจสอบครั้งนั้นไม่มีการเปิดเผย ตนจึงอยากเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ นำผลการไต่สวนของคณะกรรมการชุดดังกล่าว มาเปิดเผย โดยให้นายอภิสิทธิ์เป็นคนอธิบาย จะดีที่สุด เนื่องจากเป็นรัฐบาลในขณะนั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ด้าน นางธิดา ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามเกี่ยวกับ การดำเนินคดีกับผู้ใช้สิทธิเสรีภาพ ในปัจจุบันจำนวนมาก ว่า ในปัจจุบัน มีการใช้คำสั่งคสช. ดำเนินคดี กับประชาชนจำนวนมาก อาทิกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ตนจึงอยากเรียกร้อง ให้ คสช.ยกเลิกการใช้คำสั่ง คสช. โดยเร็วที่สุด รวมถึง อยากบอกกับพรรคการเมือง ให้นำเรื่องนี้มาประกาศเป็นนโยบาย ดังเช่นพรรคการเมืองหนึ่งว่า จะนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่โดนคดีจากการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง หลังการเลือกตั้งครั้งนี้.