รวบสาวนครราชสีมา วัย 29 หลอกประมูลทองผ่านเฟซบุ๊ก ราคาถูก ยอมขาดทุนก่อนเชิดเงินหนี พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท ...
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 22 ธันวาคม 2560 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.4 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.พัชญาภา คงสาย อายุ 29 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.478/2560 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2560 ข้อหา ฉ้อโกง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
และหมายจับที่ จ.497/2560 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2560 ข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ โดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ กก.สส.3 ตามจับกุมได้ที่บ้านเช่าในพื้นที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง พร้อมด้วยของกลาง บัตรเอทีเอ็มธนาคารต่างๆ รวม 5 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
สืบเนื่องจาก ก่อนหน้ามีผู้เสียหาย 3 ราย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่นว่า ถูกผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ พัชญาภา คงสาย (Jang Pachayapa) หลอกให้ประมูลทองคำ ราคาต่ำกว่าท้องตลาด ช่วงแรกๆ ประมูลได้ มีการส่งทองให้ทางไปรษณีย์ทุกครั้ง แต่ในช่วงเดือน ส.ค.-พ.ย. ผู้เสียหายประมูลเยอะ จำนวนเงินก็มาก แต่ไม่มีการส่งทองคำที่ได้จากการประมูลให้ ทั้งยังปิดเฟซบุ๊กหนี และไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้รู้ว่าถูกหลอก จึงเข้าแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย
พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จึงประสานไปยัง บก.สส.ภ.4 เพื่อส่งทีมสืบสวน ทำการสืบสวนจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กก.สส.3 โดย พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.3 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จึงแกะรอย หาตัวผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ พัชญาภา คงสาย จึงทราบว่า มีตัวตนอยู่จริง และมีอาชีพขายกาแฟ แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่บ้านพักและร้านกาแฟ ทราบว่า น.ส.พัชญาภา ได้หลบหนีไปแล้ว
...
ในส่วนของสามี และผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ขณะนี้ได้ตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมาเพื่อสอบสวนขยายผลในคดีนี้เป็นการเฉพาะ เนื่องจากว่า ยังมีผู้เสียหายอีกหลายราย ทยอยเข้ามาพบพนักงานสอบสวน หากเกี่ยวข้องกับใครก็จะออกหมายเรียกมาสอบสวน ผิดจริงก็จับกุมดำเนินคดีในข้อหาร่วมกัน และส่งเรื่องถึง ปปง.ให้ตรวจสอบกรณีที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินด้วย
พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 เปิดเผยถึงการสืบสวนจับกุม น.ส.พัชญาภา ว่า หลังทราบว่าหลบหนีออกนอกพื้นที่ ก็พบว่าหลบหนีไปพักกับเพื่อนที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง ก็ลงพื้นที่ จ.ลำปาง จนพบตัว และควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ กก.สส.ภ.4 ซึ่งในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพขายกาแฟ ว่างๆ ก็เล่นเฟซบุ๊กไปเรื่อยเปื่อย จนพบการประมูลทองคำ จึงเลียนแบบ
“ผู้ต้องหายอมขาดทุน ด้วยการลงทุนซื้อทองรูปพรรณตามร้านทองในราคาขายตามท้องตลาด แล้วมาเปิดประมูลในราคาบาทละ 16,000 บาท ผู้ที่เข้าไปเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก หรือคนที่สนใจประมูลก็จะเข้าไปประมูลทันที เพราะราคาต่ำกว่าราคาปกติ จุดนี้จึงเป็นจุดดึงดูดความสนใจ ให้คนเข้ามาร่วมประมูลจำนวนมาก แรกๆ ทุกคนจะได้ทองตามที่ประมูลไปได้ แต่ระยะหลังไม่มีใครได้ทองอีกเลย รวมแล้ว 100 กว่าราย กระจายอยู่ทั่วประเทศ”
ผบก.สส.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า ผู้เสียหายรายใหญ่สุดอยู่ในเมืองขอนแก่น ถูกหลอกให้ประมูลทองรูปพรรณ รวมเป็นเงิน 2,300,000 บาท แล้วยังไม่ได้ทอง ส่วนรายอื่นๆ อยู่ที่หลักหมื่น กับหลักแสน ซึ่งภายหลังถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบัญชีเงินฝากของผู้ต้องหา มีเงินโอนเข้าบัญชีในช่วงต้นปี ถึงเดือนพฤศจิกายน กว่า 100 ล้านบาท
และในจุดนี้ต้องสอบสวนผู้ต้องหาว่าเงินที่ได้มาเอาไปใช้อะไร หรือโยกย้ายเงินไปที่ใดบ้าง เพราะทุกครั้งที่เปิดประมูลทอง ไม่มีการกำหนดว่าทองหนักกี่บาท แต่จะเปิดประมูลเพียงว่าทอง 1 บาท ราคา 16,000 บาท ใครต้องการทองกี่บาท ลายแบบไหน ผู้ต้องหายืนยันว่ามีทุกแบบ ทุกลาย อ้างว่าเป็นคนนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ และเมื่อมีคนโอนเงินเข้าบัญชี ผู้ต้องหาจะกดเงินออกมาทันที ซึ่งแต่ละครั้งที่เปิดประมูล จะมีเงินโอนเข้าบัญชีหลายแสนบาท เพราะส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยได้ และคิดว่าจะได้อีก จึงลงทุนประมูลในจำนวนเงินที่มากขึ้นด้วย.