ตุ๋นผ่อนทองคำ! เหยื่อร้องสื่อฯ หลังถูกบริษัทขายทอง หลอกเหยื่อทั่วประเทศ ขาย - ซื้อทอง เงินผ่อนในราคาไม่มีดอกเบี้ย สร้างความน่าเชื่อถือผ่านเฟซบุ๊ก มีเหยื่อหลงเชื่อ 400 กว่าราย ผู้ต้องหาใช้ชีวิตปกติ แจ้งความ ตำรวจไม่จับ

ผู้เสียหาย 2 ราย ซึ่งมีคู่กรณีคนเดียวกัน ได้ยื่นข้อมูลร้องเรียนสื่อมวลชน พร้อมให้ข้อมูลเรื่องราวการถูกเชิญชวนให้ผ่อนทองคำรูปพรรณจาก "บริษัทรวยโชคลาภ" มีเหยื่อมากมายที่หลงเชื่อและผ่อนทองในลักษณะเดียวกัน ก่อนทางบริษัทจะปิดตัวลงไม่รับผิดชอบใดๆ ผู้เสียหายกระจายเข้าแจ้งความทั่วประเทศ แต่เรื่องเงียบ เพราะตำรวจไม่ติดตามคดี

ผู้เสียหายรายแรก ซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม เปิดเผยข้อมูลกับเราว่า ตนเองได้รู้จักบริษัทดังกล่าวผ่านจากเพื่อนที่เป็นตัวแทนขายทองระบบผ่อนที่ภาคเหนือ ซึ่งบริษัทแม่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สถานที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร เขต สน.ท่าข้าม บริษัทดังกล่าวได้สร้างความน่าเชื่อถือ โดยการรับสมัครตัวแทนขายทองผ่อนจากทั่วประเทศ ตัวแทนเหล่านี้จะได้เงินหักเป็นเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีแฟรนไชส์ ตามจังหวัดต่างๆ ที่เปิดตัวขายอย่างถูกกฎหมาย

...

 

"วิธีผ่อนทองคือ จะดูราคาขึ้น-ลง ของทองคำ ในแต่ละวัน หากสมาชิกท่านใดสนใจซื้อทองในวันนั้นๆ ก็จะได้ราคาทองเฉพาะเจาะจงของวันนั้นตามราคาทองจริง หากตกลงปลงใจซื้อ ต้องทำสัญญาผ่านตัวแทนหรือผู้ขาย ดิฉันซื้อทองคำหนัก 5 บาท ก็จะยึดราคาทองตามวันที่ซื้อ ไม่มีดอกเบี้ย จากนั้นจะโอนเงินผ่อนทองเรื่อยๆ ทุกเดือน จนถึงตอนนี้ผ่อนมาประมาณ 7 หมื่นกว่าบาทแล้ว สุดท้ายบริษัทปิดตัว โดยให้เพื่อนที่เป็นแฟรนไชส์ขายมาแจ้งกับดิฉัน ยอมรับว่าสงสารเพื่อนเพราะต้องรับภาระชดใช้เงินนับแสน ขณะเดียวกันเจ้าของบริษัทตัวจริงยังอยู่ในสังคมใช้ชีวิตปกติ ผู้เสียหายหลายรายเดินทางเข้าแจ้งความ ตำรวจไม่ได้ทำคดีให้เลย" 

ขณะเดียวกัน นางเหนือนภา อัพวัน เหยื่ออีกราย บอกกับเราว่า ตนเองได้เป็นตัวแทนขายให้กับทางบริษัท ทราบว่าบริษัทแห่งนี้เปิดมาเกือบ 2 ปีแล้ว ตนเองจึงสมัครเป็นตัวแทนรับผ่อนทองคำจากลูกค้า ซึ่งมีลูกค้าอยู่ในมือประมาณ 20 รายทั่วประเทศ โดยเงินแต่ละงวดลูกค้าจะโอนเข้าบริษัททั้งหมด ตนเองรับหน้าที่เพียงทำบัญชีเก็บไว้เป็นหลักฐาน เดือนแรกๆ ที่ผ่อนทองลูกค้าก็จะได้รับใบเสร็จทุกครั้ง ใครผ่อนครบตามจำนวนก็จะได้ทองคำ กระทั่งต่อมาค่อยๆ หายไป

"ขณะนี้ตัวเองรับภาระหนักมาก เนื่องจากต้องเป็นคนใช้หนี้ให้ลูกค้าที่อยู่ในมือกว่า 20 ราย ค่อนข้างเดือดร้อนหนัก เพราะบริษัทปิดไปแล้ว ที่สำคัญเจ้าของและหุ้นส่วนบริษัทยังลอยหน้าลอยตาใช้ชีวิตปกติ ทราบข่าวว่าขณะนี้ได้เปิดบริษัทขึ้นมาใหม่อีกรอบ สำหรับที่ผ่านมา แจ้งความที่ไหนตำรวจก็ไม่ทำเรื่องให้ จึงรู้สึอท้อแท้ ทั้งที่มีผู้เสียหายกว่า 400 ราย ก็ไม่มีใครตามเรื่องให้ จึงได้พยายามยื่นเอกสารไปตามสื่อต่างๆ หวังว่าจะจัดการกับมิจฉาชีพรายนี้" 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ เพื่อสอบถามข้อมูลความคืบหน้าดังกล่าว ยังไม่ได้รับการรายงานความคืบหน้าในคดีนี้แต่อย่างใด ขณะเดียวกันได้มีหลักฐานเป็นใบแจ้งความหลายพื้นที่ส่งมายื่นยันว่าได้แจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าของบริษัทจริง แต่คดีไม่คืบ